YTR-9445NYS-YS

ซีรีส์ "นิวยอร์ก"

ซีรีส์ "นิวยอร์ก" ได้รับการพัฒนาขึ้นในความร่วมมือกับ Robert Sullivan อดีตผู้ช่วยทรัมเป็ตตัวหลักของวง New York Philharmonic และ David Bilger ทรัมเป็ตหลักของวง Philadelphia Orchestra ด้วยการออกแบบสไตล์ดั้งเดิมและการขัดเกลาขั้นสูง ซีรีส์ "นิวยอร์ก" จึงมีความโดดเด่นและความเป็นเลิศพร้อมด้วยแรงต้านทานที่ต่อเนื่องในการเล่น ทรัมเป็ต C รุ่น YTR-9445NYS-YM มีปากแตร YM ที่ให้เสียงที่แน่นและชัดเจนขึ้น อีกทั้งยังเป็นเครื่องดนตรีในดวงใจของคณะทรัมเป็ตวง Boston Symphony Orchestra

วาล์วเคสซิง

จากผลการศึกษาใหม่จากงานวิจัยเกี่ยวกับทรัมเป็ตวินเทจ ทำให้มีการแก้ไขขนาดและความหนาของชิ้นส่วนของวาล์วเคสซิงสำหรับรุ่นปี 2019 วาล์วเคสซิงที่ผ่านการขัดเกลาผสานกับลูกสูบที่มีน้ำหนักเบา ทั้งสองอย่างนี้ทำให้ได้การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้นเพื่อรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในแต่ละช่องทาง

จุกท่อปล่อยน้ำลาย

มีการใช้วัสดุซีลท่อปล่อยน้ำลายชนิดใหม่เป็นจุกยาง* เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน การปรับปรุงแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความชัดเจน การพุ่งของเสียง และการตอบสนองได้เป็นอย่างดี

* จุกยาง: อนุภาคของจุกมีการกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอผ่านยางสังเคราะห์ ทำให้ได้ความยืดหยุ่นของการบีบอัดที่ดีกว่าจุกทั่วไป

การออกแบบปากแตร

ปากแตรมีการออกแบบที่แคบลงเมื่อเข้าใกล้วาล์วเคสซิง และส่วนโค้งของปากแตรที่ทำมุมสี่เหลี่ยมเพื่อมอบแรงต้านทานในการเป่าที่เหมาะสมกับนักดนตรี การผสมผสานของปากแตร YS4 ที่โค้งเล็กน้อยกับปากเป่า MC2 จะสร้างเสียงที่ทรงพลังพร้อมกับแกนหลักที่มั่นคง

หมายเหตุ: ปากแตรไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในรุ่นปี 2019 เราใส่ "YS" ในชื่อรุ่นเพื่อแยกรุ่นนี้จาก YTR-9445NYS-YM

French Bead 

ต่างจากวิธีการแบบเดิมๆ ที่ทำเป็นวงรอบปากแตร French Bead เป็นเทคนิคขั้นสูงที่ทำขอบวงให้เป็นรูปกึ่งทรงกระบอก และโดดเด่นด้วยเสียงสะท้อนกลับที่ดียิ่งขึ้นสู่นักดนตรี

Developed with top artists

ด้วยการใช้ปากเป่าที่หนากว่าการออกแบบในอดีต ร่วมกับ Malone Pipe™ (MC2) สไตล์ดั้งเดิมและท่อรับปากเป่าที่น้ำหนักเบาลง เราจึงได้เสียงและการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น ทั้งยังมอบแรงต้านทานในการเป่าที่เหมาะสมกับนักดนตรีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีห่วงสอดนิ้วที่ไม่ได้เชื่อมติดกับปากเป่า คุณจะได้ยินและสัมผัสถึงความแตกต่างในคุณภาพเสียงและการตอบสนอง ปากเป่า MC2 จะทำงานร่วมกับปากแตรเพื่อให้แรงต้านทานที่ต่อเนื่องในการเล่น

Malone Pipe™

จากปากเป่าที่ออกแบบโดย Bob Malone ช่างเครื่องเป่าทองเหลืองผู้มีชื่อเสียง Malone Pipe™ มีหลายรุ่นให้เลือกใช้กับคีย์ต่างๆ มากมาย ปากเป่ารุ่นนี้ให้การตอบสนองที่รวดเร็ว มีท่วงทำนองที่เหนือชั้น และความเสมอต้นเสมอปลายของเสียงที่ไร้ผู้เทียบเคียง: Bob Malone แต่เดิมเป็นนักเป่าทรัมเป็ตเช่นกัน เขาเปิดร้านจำหน่ายเครื่องเป่าทองเหลืองตามสั่งในลอสแอนเจลิสในปี 1983 นักเป่าทรัมเป็ตมากมายต่างมารุมล้อมให้เขาทำเครื่องดนตรีให้ ผลงานออกแบบปากเป่าชิ้นดั้งเดิมของเขาได้รับการยกย่องเป็นวงกว้างและยังคงได้รับความเคารพอย่างสูงในหมู่ผู้เล่นทรัมเป็ต นับตั้งแต่ Bob เข้าร่วมทีมวิจัยและพัฒนาของ Yamaha ในปี 2001 ผลงานออกแบบ Malone Pipe™ ของเขาก็ได้เข้ามามีส่วนในเครื่องดนตรีรุ่น Xeno Artist และซีรีส์ Custom หลายรุ่น ด้วยโทนเสียงที่นุ่มนวลเพราะพริ้งและการพุ่งของเสียงที่ยอดเยี่ยม Malone Pipe™ จะช่วยให้บทเพลงของคุณแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างครบถ้วน

ท่อปล่อยน้ำลาย

ทรัมเป็ตรุ่น Xeno Artist มีท่อปล่อยน้ำลายที่มีส่วนช่วยในความกังวานของเสียงอย่างมาก การกระจายน้ำหนักของอาร์มและแซดเดิลของท่อปล่อยน้ำลายจะช่วยเพิ่มความสามารถในการเล่นและการตอบสนอง รวมถึงเพิ่มความสามารถในการสร้างเสียงสูงในขณะเดียวกัน

ท่อเสียงลูกสูบตัวที่ 3

ตำแหน่งของท่อเสียงลูกสูบตัวที่ 3 ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถชักท่อเสียงออกได้พอที่จะสร้างเสียง F ต่ำอย่างแม่นยำ ปุ่มกดที่ปลายท่อเสียงและห่วงสตอปเปอร์รูปเสี้ยววงกลมจะช่วยให้เทียบแรงต้านทานในการเล่นได้อย่างละเอียดเพื่อความสบายและการเล่นที่เหนือชั้น

สตอปเปอร์ท่อเสียง

สตอปเปอร์ท่อเสียงได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ท่อเสียงทรัมเป็ตหลุดออก สตอปเปอร์ท่อเสียงทำจากยางซิลิโคนที่จะไม่ทำให้ผิวท่อเสียหาย ให้ทั้งความแข็งแรงและความยืดหยุ่น สามารถยึดกับเครื่องดนตรีได้ตลอดการแสดง (ความยาว: 12 ซม.)

Case

TRC-801E ดับเบิลเคสที่สามารถถือไว้ในมือ สะพายไหล่ หรือสะพายหลังก็ได้

ศิลปินผู้ร่วมพัฒนา

Robert Sullivan (Cincinnati Symphony Orchestra)

Robert Sullivan ร่วมวง Cincinnati Symphony and Pops Orchestras อีกครั้งในตำแหน่งทรัมเป็ตตัวหลักในฤดูกาล 2018-2019 หลังจากห่างหายไป 5 ปี เขาเล่นในตำแหน่งนี้ให้กับวง CSO ครั้งแรกเมื่อปี 2008-2013 Robert ได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านทรัมเป็ตที่ Northwestern University ในปี 2013-2018 โดยตลอดช่วงเวลาที่ Northwestern นั้น Robert ได้เป็นนักดนตรีประจำให้กับ Chicago Symphony Orchestra, Chicago Philharmonic และ Lyric Opera of Chicago โดยก่อนที่เขาจะเข้าร่วมกับ Cincinnati เป็นครั้งแรก Robert ได้รับตำแหน่ง Associate Principal Trumpet ในวง New York Philharmonic เป็นเวลาถึง 11 ฤดูกาล และในวง Cleveland Orchestra ตำแหน่ง Assistant Principal Trumpet เป็นเวลา 5 ปี Robert ดำรงตำแหน่งคณาจารย์ของ Manhattan School of Music, Mannes College of Music, Cleveland Institute of Music, Charleston Southern University และ College of Charleston

Robert เริ่มเล่นทรัมเป็ตตอนอายุได้สิบขวบใน Norwood ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐในแมสซาชูเซตส์ และได้เล่นเป็นผู้ช่วยทรัมเป็ตตัวหลักตอนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายในวง Massachusetts Youth Wind Ensemble ต่อมา ระหว่างที่เป็นศิษย์ของ Armando Ghitalla ที่ University of Michigan ซึ่งเขาได้สำเร็จการศึกษาดุริยางคศาสตรบัณฑิต เขาก็ได้เป็นผู้บรรเลงเดี่ยวในวงดนตรีมากมายของมหาวิทยาลัย เขาเป็นผู้ชนะในการประกวด Concerto ที่ National Music Camp เมือง Interlochen ในตำแหน่ง Associate First Trumpet ร่วมกับ All-American College Band of Disneyland และเป็นผู้ชนะทุนการศึกษาจาก Armando A. Ghitalla Fellowship เพื่อเข้าเรียนที่ Berkshire Music Center เมือง Tanglewood ภายหลังเขาได้เป็นสมาชิกและผู้บรรเลงเดี่ยวในวง U.S. Air Force Band ในวอชิงตัน ดี.ซี. รวมถึงเป็นผู้เล่นพิเศษใน National Symphony อีกด้วย หลังออกจากกองทัพอากาศ Robert ได้รับตำแหน่งทรัมเป็ตเดี่ยวของ Chicago Chamber Brass

ขณะนี้ Robert ยังคงทำงานเป็นนักดนตรีเดี่ยวและแพทย์ฝ่ายรักษาอยู่เรื่อยๆ เขาออกทัวร์ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาสองฤดูกาลร่วมกับคู่หูทรัมเป็ต-ออร์แกนวง "Toccatas and Flourishes" และผลงานเดี่ยวของเขาใน Piccolo Spoleto Festival ในเมือง Charleston ก็ได้รับการบันทึกเสียงและถ่ายทอดสดในรายการ Performance Today ของ National Public Radio ผลงานการแสดงเดี่ยวล่าสุดของเขายังมีการปรากฏตัวกับวง Cincinnati Symphony, Chicago Philharmonic และ Hilton Head Symphony ภายใต้การนำของ John Morris Russell ในฐานะสมาชิกของวง Principal Brass of the New York Philharmonic คุณ Robert ได้ขึ้นแสดงเดี่ยวทั่วทั้งทวีปยุโรป อเมริกาใต้ และเอเชีย ทั้งยังได้ร่วมแสดงคอนเสิร์ตกับวง Canadian Brass และ German Brass นอกจากนี้ เขายังได้แสดงและบันทึกเทปร่วมกับวง Summit Brass และ Empire Brass รวมถึงเพลงประกอบภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดอีกมากมาย

ในเดือนพฤศจิกายน 2000 Robert ได้รับคำสดุดีพิเศษจากรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาในฐานะที่บำเพ็ญประโยชน์ให้กับชุมชน ผลงานสองชิ้นที่ Robert ร่วมบันทึกเทปกับนักเปียโน James Rensink ในชื่อ "Treasures for Trumpet" และ "Kaleidoscope" มีวางจำหน่ายกับค่ายเพลง Summit Records และผลงานเพลงใหม่ล่าสุดจากนักทรัมเป็ตและนักเปียโนเดี่ยวสองคนนี้จะวางจำหน่ายในฤดูใบไม้ผลิปี 2019

ศิลปินผู้ร่วมพัฒนา

David Bilger (The Philadelphia Orchestra)

ได้รับการยกย่องจาก New York Times สำหรับผลงานการเล่น “easy brilliance” และจาก Washington Post สำหรับเพลง “engaging legato touch” คุณ David Bilger ดำรงตำแหน่งทรัมเป็ตตัวหลักของวง The Philadelphia Orchestra นับตั้งแต่ปี 1995 แล้ว ก่อนที่เขาจะได้ร่วมวงออร์เคสตรานี้ เขาเคยรับตำแหน่งเดียวกันนี้กับวง Dallas Symphony มาแล้ว

ในฐานะนักดนตรีเดี่ยว คุณ Bilger ได้ปรากฏตัวกับวง The Philadelphia Orchestra, Dallas Symphony, Houston Symphony, Chamber Orchestra of Philadelphia, Oakland Symphony, Indianapolis Chamber Orchestra, Philharmonia Virtuosi of New York และอื่นๆ อีกมากมาย การแสดงเดี่ยวของเขากับวง The Philadelphia Orchestra มีทั้งการแสดงในปี 2013 ในงาน Hummel’s Trumpet Concerto, งาน 2008 US Premiere of Herbert Willi’s “Eirene” สำหรับทรัมเป็ตและออร์เคสตรา รวมถึงงานแสดงของ Tomasi Trumpet Concerto ที่ Carnegie Hall และออกทัวร์ในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ในปี 1998, Haydn’s Trumpet Concerto ในเดือนกุมภาพันธ์ 2003, Copland’s Quiet City ในเดือนตุลาคม 2004 และ Bloch’s Proclamation ในปี 2006 คุณ Bilger มีผลงานการแสดงเดี่ยวในนิวยอร์ก, วอชิงตัน ดี.ซี., คลีฟแลนด์, ลอสแอนเจลิส, ฟิลาเดลเฟีย และเมืองใหญ่ในอเมริกาอีกมากมาย

คุณ Bilger ได้ปรากฏตัวกับ Chamber Music Society of Lincoln Center ซึ่งเขาได้บันทึกเทปบทเพลง Second Brandenburg Concerto ของ Bach ผลงานการแสดงดนตรีเชมเบอร์อื่นๆ เช่น Chamber Music Northwest, New York Trumpet Ensemble, Saint Luke’s Chamber Ensemble รวมถึงการเป็นแขกรับเชิญในการแสดงร่วมกับ Canadian Brass และ Empire Brass เขาเคยออกผลงานดนตรีอิเล็กโทรอะคูสติกสำหรับทรัมเป็ตและซินธิไซเซอร์ร่วมกับผู้ประพันธ์เพลง Meg Bowles

คุณ Bilger ปัจจุบันอยู่ในคณะดุริยางคศาสตร์ของ The Curtis Institute of Music และ Temple University และเคยเป็นคณาจารย์ให้กับ Hugh Hodgson School of Music ที่ University of Georgia เขาเคยแสดงมาสเตอร์คลาสที่สถาบันต่างๆ มากมาย รวมถึง Juilliard School of Music, Indiana University, University of Michigan, Manhattan School of Music และ Peabody Conservatory นอกจากนี้เขายังเคยสอนที่ Pacific Music Festival และ National Orchestral Institute และล่าสุดที่ Aspen Music Festival and School

คุณ Bilger สำเร็จหลักสูตรดุริยางคศาสตรมหาบัณฑิตจาก Juilliard School of Music และหลักสูตรดุริยางคศาสตรบัณฑิตจาก University of Illinois