Arranger Workstation: การเปิดตลาดสำหรับศิลปินเดี่ยว

สร้างความแตกต่างด้วยคีย์บอร์ดแบบพกพาระดับไฮเอนด์

ในอดีต คีย์บอร์ดแบบพกพามักจะถูกมองเป็นเครื่องดนตรีสำหรับผู้เริ่มต้น เด็ก และวัยรุ่น ที่สามารถพกพาไปไหนก็ได้และไม่จำเป็นต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางหรือเทคนิคการเล่นขั้นสูงในการเล่น และมักจะถูกมองว่าไม่ใช่เครื่องดนตรีสำหรับผู้เล่นมืออาชีพ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ PS-6100 ในปี 1984 ทำให้ภาพลักษณ์ของคีย์บอร์ดแบบพกพาเปลี่ยนไป

สิ่งสำคัญประการแรกคือเป็นการเปลี่ยนแปลงจำนวนแป้นคีย์ รุ่นของคีย์บอร์ดแบบพกพามีจำนวนคีย์สูงสุด 49 คีย์ เพื่อให้ไม่ส่งผลกระทบต่อการพกพาและความเรียบง่าย PS-6100 เป็นรุ่นแรกที่มีแป้นคีย์ขนาดมาตรฐานจำนวน 61 คีย์เท่ากับซินธิไซเซอร์รุ่น DX7 ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลกตั้งแต่เปิดตัวในปีก่อนหน้านั้น PS-6100 ที่มี 61 แป้นคีย์สามารถใช้เป็นคีย์บอร์ดระดับมืออาชีพได้ PS-6100 ได้สร้างภาพลักษณ์ใหม่อย่างสิ้นเชิงของคีย์บอร์ดแบบพกพา ด้วยตัวเครื่องที่ออกแบบโดยสถาปนิกและนักออกแบบชาวอิตาลีอย่าง Mario Bellini โดยได้ชื่อว่า “Keyboardissimo” ในฐานะสุดยอดคีย์บอร์ดและสะท้อนความเป็นที่สุดแห่งเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ของ Yamaha ในขณะนั้น

PS-6100 ใช้โปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ FM เหมือนกับ DX7 และโปรแกรมการปรับเสียงริธึม PCM และยังรองรับ MIDI ซึ่งในเวลาต่อมา ได้กลายมาเป็นมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับแลกเปลี่ยนข้อมูลการแสดงระหว่างเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์แต่ละเครื่องโดยไม่จำกัดผู้ผลิต และนอกจากคู่มือการใช้งานแล้ว ยังมาพร้อมคู่มือ MIDI อีกด้วย ในความเป็นจริงแล้ว ในช่วงเวลานั้น ไม่มีซินธิไซเซอร์ของบริษัทไหนเลยที่มีโปรแกรมการปรับแต่งเสียงมัลติทิมเบรลซึ่งสามารถรับช่องสัญญาณ MIDI แบบหลายช่องได้ (มีเพียง TX816 เท่านั้นที่ทำได้เนื่องจากมีโมดูลโปรแกรมการปรับแต่งเสียงหลายตัว) PS-6100 สามารถรับและส่งข้อมูลได้เพียงประเภทเดียว เช่นเดียวกับคีย์บอร์ดรุ่นอื่น: ไม่ว่าจะกดหรือปล่อยคีย์ก็ตาม อย่างไรก็ตาม เครื่องรุ่นนี้สามารถรับช่องสัญญาณแบบหลายช่องได้เพื่อควบคุมระดับเสียง ทำให้สามารถควบคุมแต่ละ MIDI ของ Orchestra Upper, Orchestra Lower, Solo, Bass, Chords และ Rhythm ได้ และยังสามารถสับเปลี่ยนริธึมแพทเทิร์นแต่ละแบบได้

รุ่น PS-6100 มีราคาสูงกว่ารุ่น PC-1000 ถึง 50,000 เยน นับว่าเป็นรุ่นที่มีราคาแพงที่สุดในขณะนั้น โดยมีราคาอยู่ที่ 220,000 เยน อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้สามารถเล่นได้ 6 เสียง (รวมเสียงริธึม) พร้อมกัน และมีฟังก์ชัน Auto Bass Chord, ฟังก์ชัน Music Programmer สำหรับการบันทึกเสียง รวมถึงฟังก์ชันอื่นๆ ซึ่งโดยปกติแล้วอาจต้องใช้ฮาร์ดแวร์แยกต่างหากที่เรียกว่า MIDI Sequencer เพียงเครื่องเดียวก็สามารถทำได้ทุกอย่างที่กล่าวมา จึงมีราคาค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับรุ่น DX7 ที่มีราคาถึง 248,000 เยน อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชัน Music Programmer ในขณะนั้นมีระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำที่สั้นเพียง 5 วัน หากระยะเวลาที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลยาวนานกว่านั้น จะต้องใช้เครื่องบันทึกเทปที่มีอินเตอร์เฟสคาสเซ็ท (เช่น ข้อมูลที่ต้องบันทึกเป็นไฟล์เสียง) แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้ในปัจจุบัน แต่ก็แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในช่วงเวลานั้น

PS-6100

PS-6100

นอกจากนี้ การออกแบบที่ยอดเยี่ยมของ Mario Bellini ให้มีแผงควบคุมที่ซ้อนทับฝาปิดคีย์บอร์ดอีกชั้นหนึ่งก็ได้รับรางวัล Good Design Award ในปี 1984 ด้วย แผงควบคุมนี้ประกอบไปด้วยสวิตช์และสไลเดอร์จำนวนมากสำหรับใช้ในการเชื่อมต่อเข้ากับแป้นคีย์ด้วยไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น การจ่ายไฟฟ้าให้กับส่วนที่เคลื่อนไหวได้เป็นงานที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบัน เรานิยมใช้สายแพกับชิ้นส่วนดังกล่าว

PSR-70

ปีถัดมาหลังจากเปิดตัว PS-6100 แล้ว Yamaha ก็ได้ทำการเปิดตัว PSR-50, PSR-60 และ PSR-70 ซึ่งรองรับ MIDI ทุกรุ่น แนวคิดของผลิตภัณฑ์ทั้งสามรุ่นใน Portatone ซีรีส์ คือ “Digital Entertainment Keyboard (คีย์บอร์ดดิจิตอลเพื่อความบันเทิง)” นวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วในยุคนั้นสะท้อนให้เห็นจากราคาของรุ่น PSR-70: 128,000 เยน หรือเพียงครึ่งหนึ่งของรุ่น PS-6100 แม้ว่าจะใช้โปรแกรมการปรับแต่งเสียงเหมือนกันและมีจำนวนแป้นคีย์เท่ากัน (61)

ในปีต่อมา ซึ่งก็คือปี 1986 มีการเปิดตัวรุ่น PSR-6300 ซึ่งยังคงเก็บแผงควบคุมแบบพับได้ของรุ่น PS-6100 เอาไว้ แม้จะมีราคาอยู่ที่ 218,000 เยน ซึ่งใกล้เคียงกับ PS-6100 แต่เครื่องรุ่น PSR-6300 ของ Yamaha นั้นเป็นเครื่องที่เน้นการผลิตงานเพลงมากขึ้น หนึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นก็คือฟังก์ชัน Rhythm Step Light ก่อนหน้านั้น หากต้องการสร้างและบันทึกดนตรีประกอบที่แต่งขึ้น มิวสิคโปรแกรมเมอร์ต้องเลือกริธึมแพทเทิร์นพื้นฐานแล้วเล่นดนตรีประกอบด้วยตัวเองในขณะที่ริธึมแพทเทิร์นกำลังเล่นอยู่ ความละเอียดในขณะนั้นอยู่ที่โน้ตตัวที่ 32 ดังนั้น หากไทม์มิ่งไม่ตรงกันในระหว่างบันทึก หรือหากโปรแกรมเริ่มขึ้นก่อนที่จะกำหนดท่อนเพลงเสร็จสิ้น โปรแกรมเมอร์อาจสับสนกับจังหวะของตัวเองและไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ฟังก์ชัน Rhythm Step Light ทำให้เราสามารถอินพุตริธึมเข้าไปแม้จะไม่สามารถเล่นได้แบบเรียลไทม์

ในความเป็นจริงแล้ว ฟังก์ชัน Rhythm Light เป็นการพัฒนาที่ใช้แนวคิดอันโดดเด่นของคีย์บอร์ดแบบพกพา นั่นคือการใช้แป้นคีย์ในการอินพุตข้อมูล เหนือแป้นคีย์ของรุ่น PSR-6300 จะมีไอคอนเสียงกลองที่ใช้ในการเล่นเพอร์คัสชั่นอยู่ หมายเลข 1 ถึง 32 จะปรากฏอยู่เหนือแป้นคีย์ที่ด้านครึ่งซ้าย แต่ละแป้นคีย์แทนหนึ่งสเต็ปในสองห้องเพลงของโน้ตตัวที่ 16 (16 × 2 = 32) และใช้ในการอินพุตหมายเลขที่กำหนดให้กับแป้นคีย์ ตัวอย่างเช่น หากต้องการอินพุตเสียงเบสดรัมทุกหนึ่งจังหวะ (1/4) ผู้ใช้ต้องกดแป้นคีย์เบสดรัมทางด้านขวาค้างไว้ จากนั้นกดแป้นคีย์ 1, 5, 9, 13, 17, 21, 25 และ 29 ทางด้านขวา หมายเลขบนแป้นคีย์ของรุ่น PSR-6300 จะทำหน้าที่แบบเดียวกันกับหน้าจออินพุตแบบเมทริกซ์บนกลอง ในขณะนั้น ยังไม่นิยมการใช้งานหน้าจอ LCD ดังนั้น อินเตอร์เฟสผู้ใช้งานชนิดนี้จึงต้องมีแผงควบคุมที่มีปุ่มและสวิตช์เฉพาะ การใช้แป้นคีย์แทนปุ่มและสวิตช์ในยุคนั้นนับเป็นวิธีการที่เฉียบแหลมมาก

Yamaha ตั้งใจใช้วิธีการอินพุตแบบ “ไม่เรียลไทม์” ด้วยการกดแป้นคีย์ในการผลิตงานเพลงเพื่อให้ผู้คนเพลิดเพลินกับดนตรีได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับอิทธิพลมาจาก DTM (Desktop Music) หรือ “การทำเพลงจากคอมพิวเตอร์” ซึ่งต่อมา เป็นที่นิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่นั้นมา คีย์บอร์ดแบบพกพาก็เป็นมากกว่าเครื่องดนตรีที่เอาไว้บรรเลงแบบเดิมๆ เพราะได้รวมเอาองค์ประกอบต่างๆ สำหรับการผลิตงานเพลงเข้ามาด้วย

นอกจากนี้ PSR-6300 ยังรองรับการจัดเก็บข้อมูลบน RAM ด้วย ซึ่งนับเป็นการพัฒนาปรับปรุงครั้งใหญ่ต่อจากอินเตอร์เฟสเครื่องบันทึกเทปก่อนหน้านั้น (ซึ่งมีติดตั้งมาให้ด้วย)

Mario Bellini and the PSR-6300

Mario Bellini และ PSR-6300

DSR-1000/2000 คีย์บอร์ดแบบออลอินวันรุ่นแรกของ Yamaha

DSR-200 / DSR-1000

เนื่องจากมาตรฐาน MIDI ได้รับความนิยมในการบันทึกเสียงระดับมืออาชีพและการทำเพลงจากคอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ดแบบพกพาที่ใช้ในการทำวงดนตรีทั้งวงด้วยอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวจึงเริ่มมีฟังก์ชัน MIDI เต็มรูปแบบเข้ามา แม้ว่า PSR-6300 และคีย์บอร์ดรุ่นอื่นๆ ในเจเนอเรชันนั้นจะสามารถรับช่องสัญญาณ MIDI แบบหลายช่องได้ (16 ช่องสัญญาณสำหรับส่งข้อมูลเพลงแต่ละเพลง) แต่การควบคุมระดับเสียงยังคงต้องทำจากภายนอกช่องสัญญาณหลัก ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขด้วยการเปิดตัวคีย์บอร์ดรุ่นใหม่อย่าง DSR-1000 และ DSR-2000 ที่มีโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบมีโหมดรับสัญญาญหลายช่อง เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปีของ Yamaha ในปี 1987 ปัจจุบัน นักดนตรีสามารถเล่นเสียงจากคีย์บอร์ดแบบพกพาได้ถึงสี่เสียงและรับข้อมูล MIDI จากซีเควนเซอร์ภายนอก (เพิ่มเติมจากการเล่นริธึม) แม้ว่าจะมีการจำกัดจำนวนโพลีโฟนี แต่ก็ยังสามารถสร้างเสียงทั้งหมดด้วยการเล่นเสียงเปียโนแบบคอร์ดสี่เสียง เล่นเสียงเครื่องดนตรีทองเหลืองแบบสองเสียง เล่นเสียงฟลุตเป็นเมโลดี้โน้ตเดี่ยว และเล่นเสียงเบสแบบโน้ตเดี่ยว

ฟังก์ชันนี้ได้รับการปรับปรุงบางส่วนเนื่องจากการทำเพลงด้วยซินธิไซเซอร์และซีเควนเซอร์ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในช่วงปลายทศวรรษ 1980 คีย์บอร์ดแบบพกพารุ่น DSR-1000 และ DSR-2000 มาพร้อมคู่มือการใช้งานที่เริ่มต้นด้วยการอธิบายฟังก์ชันซินธิไซเซอร์ ตามด้วยการสร้างเสียง การสร้างริธึม และการบันทึกเสียงตามลำดับ ซึ่งเป็นคู่มือสำหรับใช้งานซินธิไซเซอร์แบบออลอินวันเป็นหลัก แตกต่างจากคีย์บอร์ดแบบพกพารุ่นอื่น ในช่วงที่ DSR ซีรีส์เปิดตัวในปี 1987 นั้น ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ใดเลยในหมวดหมู่ซินธิไซเซอร์ที่มีซีเควนเซอร์ในตัว V50 ที่เปิดตัวในปี 1988 ทำให้ DSR สามารถอ้างสิทธิ์ได้ว่าเป็นซินธิไซเซอร์แบบออลอินวันรุ่นแรก

การพัฒนาให้มีเสียงที่สมจริง

เทคโนโลยีอันน่าทึ่งช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของซีเควนเซอร์ ซินธิไซเซอร์ และฟังก์ชัน MIDI ของคีย์บอร์ดแบบพกพาไปอย่างมาก ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เหล่านี้อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่ล้ำสมัยมากมาย คีย์บอร์ดมีความซับซ้อนขึ้นมาก จึงอาจทำให้เล่นยากเกินไป โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้นและเด็ก Yamaha จะปรับปรุง PSR ซีรีส์เพื่อแก้ปัญหานี้และกลับมาเน้นให้คีย์บอร์ดแบบพกพาเป็นเครื่องดนตรีสำหรับการเล่นทั่วไป การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญประการหนึ่งของโปรแกรมการปรับแต่งเสียงคือการนำโปรแกรมการปรับแต่งเสียง Dual Architecture Synthesis System (DASS) มาใช้ นอกจากคีย์บอร์ดแบบพกพารุ่นไฮเอนด์ในขณะนั้นจะมีโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ FM แล้ว ก็ยังมีโปรแกรมการปรับเสียงริธึม PCM สำหรับบันทึกตัวอย่างเสียงด้วย (เทคนิคการบันทึกเสียงเครื่องดนตรีจริงด้วยระบบดิจิตอล) เพื่อใช้ประโยชน์จากความนิยมของเทคนิคนี้และเพื่อให้ได้เสียงที่สมจริงอย่างง่าย (เสียงใกล้เคียงกับดนตรีสด) การบันทึกเสียงตัวอย่างเพอร์คัสชั่น ไม่ว่าจะเป็นเบสดรัม กลองสแนร์ แทมบูรีน และเพอร์คัสชั่นเครื่องอื่นๆ นั้นค่อนข้างง่ายโดยใช้การอัดเพียงครั้งเดียว เนื่องจากเสียงของเพอร์คัสชั่นจะกังวานอยู่เพียงระยะสั้นๆ และแต่ละเครื่องจะปล่อยพิตช์เพียงหนึ่งหรือสองถึงสามระดับเสียงเท่านั้น ในทางกลับกัน การบันทึกตัวอย่างเสียงเปียโนต้องใช้ข้อมูลปริมาณมากเพราะให้โปรไฟล์ของแต่ละโน้ตที่ยาวกว่า และต้องบันทึกเสียงตัวอย่างของแต่ละแป้นคีย์รวม 88 แป้นคีย์ รวมถึงความหนักเบาในการกดแป้นคีย์ด้วย ในอดีต หน่วยความจำนั้นมีราคาแพงมากเกินกว่าที่จะใช้บันทึกตัวอย่างเสียงเปียโนสำหรับคีย์บอร์ดแบบพกพาและจำหน่ายในราคาที่ผู้ซื้อเอื้อมถึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการผลิตจำนวนมาก โปรแกรมการปรับแต่งเสียง DASS จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้และสร้างเสียงที่สมจริงด้วยหน่วยความจำขนาดเล็ก โดยการบันทึกเพียงตัวอย่างสั้นๆ ของเสียงช่วงเริ่มต้นที่กำหนดความรู้สึกของผู้ฟังต่อเสียงนั้นและใช้โปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ FM เติมเสียงก้องเข้าไป โปรแกรมการปรับแต่งเสียง DASS มีใช้ใน EOS ซีรีส์ และเครื่องดนตรีอื่นในหมวดหมู่ซินธิไซเซอร์ และเป็นรุ่นก่อนหน้าของระบบ AWM ที่ใช้ในการสร้างเสียงของคีย์บอร์ดแบบพกพาส่วนใหญ่ในปัจจุบันจากตัวอย่างเสียงทั้งหมด

แม้ว่าโปรแกรมการปรับเสียงริธึมเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะเป็นแบบ PCM แต่การจำลองเสียงเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียง เช่น เปียโน จำเป็นต้องใช้การผสมตัวอย่างหลายชุดสำหรับแต่ละเสียง และด้วยข้อจำกัดของเวลาในทางเทคนิคทำให้ไม่มีหน่วยความจำที่เพียงพอต่อตัวอย่างเสียงของทั้ง 88 แป้นคีย์ จึงใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการบันทึกตัวอย่างเสียงตั้งแต่ไม่กี่ระดับเสียงไปจนถึงหลายสิบระดับเสียง แล้วเปลี่ยนความถี่เอาต์พุตของระดับเสียงที่ใกล้เคียงกับตัวอย่างเสียงนั้น วิธีการนำหลายตัวอย่างเสียงมาผสมกันเป็นเสียงเดียวนี้เรียกว่า มัลติแซมพลิง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ Yamaha นำมาใช้ในการบันทึกตัวอย่างเสียงให้กับโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ DASS การใช้ DASS จะทำให้เสียงของคีย์บอร์ดแบบพกพามีความสมจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้เครื่องดนตรีนี้ดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่กว้างขึ้น การปรับปรุงประสิทธิภาพของโปรแกรมการปรับแต่งเสียงซึ่งเป็นส่วนพื้นฐานของเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดนี้จะช่วยเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจให้กับการเล่นดนตรีได้ นอกจากนี้ Yamaha ยังได้นำแนวคิดต่างๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการเล่นมาใช้ด้วย เช่น การนำ Roll bar และ Pitch bend roller มาใช้ในรุ่น PSR-2500, PSR-3500 และ PSR-4500 การกำหนดตำแหน่งตัวควบคุมแบบหนุนให้อยู่ใต้ฝ่ามือผู้ใช้จะทำให้ผู้ใช้ควบคุมระดับเสียง (Roll bar) และปรับความโค้งของระดับเสียง (Pitch bend roller) ขณะกดแป้นคีย์ได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น Sustain และ Dual Voice Sustain เป็นเอฟเฟกต์ที่คล้ายกับแป้นเหยียบแดมเปอร์ของเปียโน ผู้ใช้สามารถกดปุ่มเพื่อขยายระยะเวลาระหว่างการปล่อยแป้นคีย์กับการกระจายออกของเสียง คุณสมบัติ Sustain เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคีย์บอร์ดแบบพกพา ซึ่งควบคุมการเล่นด้วยมือเท่านั้น ไม่มีการควบคุมด้วยเท้า (แป้นเหยียบ) Dual Voice คล้ายกับสิ่งที่เราเรียกว่า “การสร้างเลเยอร์” ในปัจจุบัน คุณสมบัตินี้ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นสองเสียงพร้อมกันได้ แม้จะใช้คำศัพท์ต่างกัน แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ คุณสมบัติมาตรฐานของซินธิไซเซอร์กับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อื่นที่ทันสมัยมีให้ใช้งานกันแล้วในขณะนั้น

PSR-4500

PSR-4500

PSR-4500 ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์สร้างเสียงสะท้อนแบบดิจิตอล (Digital reverberator) อีกด้วย ในทศวรรษ 1980 อุปกรณ์สร้างเสียงสะท้อนแบบดิจิตอลมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ในช่วงห้าปีแรก อุปกรณ์สร้างเสียงสะท้อนยังเป็นผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ที่พบเจอได้ในสตูดิโอบันทึกเสียงเท่านั้น การเปิดตัว SPX90 ในปี 1985 ยิ่งทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น และปลายทศวรรษ 1980 ก็มีหลายรุ่นนำมาใช้เป็นอุปกรณ์สร้างเอฟเฟกต์ภายในสำหรับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ คีย์บอร์ดแบบพกพาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์นี้ ก็ได้รับการพัฒนาจากเครื่องดนตรีธรรมดาไปเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถสร้างเสียงคุณภาพสูงได้

การพัฒนาฟังก์ชัน UI และ Style เป็นการปูทางไปสู่อนาคต

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างและจัดการลำดับข้อมูล MIDI Yamaha ใช้ฟังก์ชันการสร้างเสียงซินธิไซเซอร์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยอื่นๆ มาพัฒนาคีย์บอร์ดแบบพกพาไปสู่จุดที่กลายมาเป็นเครื่องมือผลิตงานเพลงแบบออลอินวันได้ในที่สุด ฟังก์ชันการสร้างและจัดการลำดับข้อมูล (Sequencing) ได้รับการพัฒนาปรับปรุงอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน Yamaha ก็ต้องการที่จะส่งเสริมฟังก์ชันที่ล้ำหน้าของคีย์บอร์ด จึงได้ให้ความสำคัญกับบทบาทของคีย์บอร์ดในฐานะเครื่องดนตรีที่จะนำมาบรรเลง เมื่อพูดถึงคู่มือการใช้งานของคีย์บอร์ดแบบพกพาที่เปิดตัวในทศวรรษ 1990 คู่มือของรุ่น PSR-6700 (1991) เริ่มด้วยการอธิบายฟังก์ชัน Sequencer และฟังก์ชันการบันทึกเสียงขั้นสูง ในขณะที่คู่มือของรุ่น PSR-5700 (1992) เริ่มด้วยการเลือกเสียงและคำแนะนำในการเล่นสำหรับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น แต่เริ่มด้วยฟังก์ชัน Sequencer สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในต่างประเทศ คู่มือทั้งหมดสำหรับรุ่น PSR-SQ16 (1992) เริ่มต้นด้วยการเลือกเสียงและคำแนะนำในการเล่น การเปลี่ยนลำดับข้อมูลในคู่มือแสดงให้เห็นสิ่งที่ Yamaha เลือกที่จะเน้นย้ำ

รุ่น PSR-SQ16 มาพร้อมโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ 16 ช่องสัญญาณที่สามารถเล่นส่วนต่างๆ ได้มากกว่า 11 ส่วน จากเดิม 5 ส่วน (Rhythm, Bass, Orchestra Upper, Orchestra Lower และ Solo) ทำให้กลายเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถใช้ผลิตงานเพลงได้ภายในเครื่องเดียว แม้ว่าคุณสมบัติของโปรแกรมการปรับแต่งเสียงจะได้รับการปรับปรุงจนสามารถทำได้มากกว่าการเล่นแบบเรียลไทม์แล้วก็ตาม แต่ PSR-SQ16 นั้นก็แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าสูงสุดของการรวมเซมิคอนดักเตอร์กับเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ในยุคนั้นเข้าด้วยกัน อาจกล่าวได้ว่าการพัฒนาฟังก์ชันการสร้างและจัดการลำดับข้อมูลเป็นแนวทางที่ช่วยให้ฟังก์ชัน Style มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในคีย์บอร์ดแบบพกพายุคใหม่

คุณภาพของฟังก์ชัน Style ได้รับการพัฒนาไปอย่างมากด้วยระบบ Style ที่ได้รับการปรับปรุงซึ่ง Yamaha พัฒนาขึ้นมาสำหรับ PSR-1700/2700 ที่เปิดตัวในปี 1993 ระบบ Style เป็นความเชี่ยวชาญของสุดของบริษัทในด้านดนตรีประกอบอัตโนมัติ และสามารถเข้ากันได้ดีกับฟอร์แมตมาตรฐานรูปแบบ Standard MIDI File (SMF) และ Style File Format (SFF) ที่พัฒนาขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งช่วยให้การสร้างและจัดหา Style สะดวกขึ้น ความสามารถในการสร้างและจัดหา Style ใน SMF ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น ทำให้ Yamaha สามารถขอให้ผู้เล่นภายนอกบริษัทสร้าง Style เพื่อเพิ่มเข้าไปใน Style ที่ผลิตโดยนักพัฒนาของบริษัทได้ นี่คือสิ่งที่ผลักดันให้ Style พัฒนาขึ้นทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ

PSR-2700

PSR-2700

PSR-6000 ที่เปิดตัวในปี 1994 มีแผงหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ ซึ่งความสำเร็จนี้เกิดจากนวัตกรรมด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ก่อนหน้านั้น คีย์บอร์ดส่วนใหญ่มักจะมีจอแสดงผล LED แบบ 7 ส่วน หรือจอ LCD แบบขาวดำสองบรรทัด แต่ PSR-6000 มีจอแสดงผลขนาดใหญ่ (116.2 มม. x 90 มม.) พร้อมด้วย UI แบบกราฟฟิกและข้อความ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถดูจุด Split Point อ็อคเทฟ และอื่นๆ อีกมากมายที่นอกเหนือจากหน้าจอการแก้ไขการจัดลำดับข้อมูล แม้ว่าจอแสดงผลนี้จะไม่ใช่หน้าจอแบบสัมผัสดังเช่นในปัจจุบัน แต่ปุ่มที่อยู่ทางด้านซ้ายและขวา รวมถึงปุ่มหมุน (วงล้อ) ด้านล่างทำให้การใช้งานง่ายขึ้นกว่าในสมัยก่อน PSR-6000 คือต้นแบบของ Musical Workstation ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ด้วยช่องใส่แผ่นดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วสำหรับการจัดเก็บข้อมูล ในปีถัดมา (1995) ได้มีการเปิดตัว PSR-7000 เป็นรุ่นไฮเอนด์สำหรับใช้งานภายในบ้าน ด้วยจอแสดงผลและปุ่มหมุน (วงล้อ) สำหรับควบคุม Drawbar ของเสียงออร์แกน บรรทัดห้าเส้นที่แสดงโน้ตต่างๆ ในคอร์ด คุณสมบัติที่ทำให้การสร้างรูปแบบดนตรีประกอบทำได้ง่ายขึ้น และฟังก์ชันสำหรับมืออาชีพอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้นักดนตรีในไนท์คลับและผู้แสดงคนอื่นๆ นิยมใช้งานเครื่องรุ่น PSR-7000 นี้

รุ่นต่อจากนั้นอย่าง PSR-8000 มีตัวเครื่องและ UI แบบเดิม แต่ทำยอดขายได้มากกว่าถึงสองเท่า จากการปรับปรุงฟังก์ชันการทำงานและการสร้างเสียงตามแบบที่ตลาดต้องการ ฟังก์ชัน Groove & Dynamics แบบใหม่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนจังหวะหรือความเร็ว (Pronunciation Timing) ความแรงในการกด (ไดนามิก) และระยะเวลาในการกดค้าง (ความยาวโน้ต) ของพรีเซ็ต Style ชั่วคราวได้ในระหว่างการเล่นเพื่อเพิ่มกรู๊ฟ ทำให้ได้ Style ที่หลากหลายจนได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก ในปี 1999 Yamaha มีการเปิดตัวรุ่น PSR-9000 ซึ่งมีการปรับปรุงดีไซน์และ UI ใหม่ เสียงดีขึ้น และลำโพงมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้ใช้งานต่างชื่นชอบเสียงแบบใหม่ที่สุขุม! และมีชีวิตชีวา! แต่คีย์บอร์ดนั้นมีน้ำหนักมากถึง 22.5 กก. (หนักกว่ารุ่นก่อนหน้า 6.5 กก.) จึงตัดสินใจไม่ติดตั้งลำโพงในรุ่นต่อๆ มา

ในปีต่อมา (2000) Yamaha ได้ทำการเปิดตัวรุ่นระดับมืออาชีพอย่าง 9000Pro ที่มี 76 แป้นคีย์ และไม่มีลำโพง เครื่องรุ่นนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ธรรมดา นอกเหนือไปจากชื่อรุ่นที่ขึ้นต้นด้วยตัวเลขแทนที่จะเป็น PSR แล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ได้ และมีพอร์ตต่างๆ สำหรับเอาต์พุตมอนิเตอร์ คอมพิวเตอร์โฮสติ้ง และอุปกรณ์ SCSI-2 รวมถึงโมดูลปลั๊กอินที่เป็นแพ็คเกจเสริมโปรแกรมการปรับแต่งเสียง PLG-150VL และ PLG-150AN เพื่อเจาะตลาดซินธิไซเซอร์อีกด้วย

9000pro

9000pro

Arranger Workstation: การผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่นทำให้ได้รับความนิยมในประเทศกำลังพัฒนา

Yamaha เริ่มการผลิตคีย์บอร์ดระดับเริ่มต้นที่โรงงานของบริษัทเองในมณฑลเทียนจิน ประเทศจีน ในปี 1990 และยังได้ก่อตั้งโรงเรียน Yamaha Music Manufacturing Asia (YMMA) ในประเทศอินโดนีเซียในปี 1997 รวมถึงเปิดตัวการผลิต Arranger Workstation แบบเต็มรูปแบบในปี 2001 PSR-2000/1000 ที่เปิดตัวในปี 2001 ใช้ต้นแบบจาก PSR-9000 ที่เป็นรุ่นเรือธง แต่มีหน่วยความจำที่ใหญ่กว่าเดิมมากและเพิ่มจำนวน Style มากขึ้น และมีการเพิ่มฟังก์ชัน Music Finder เข้ามาด้วย ฟังก์ชันใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาจากสไตล์ จังหวะ และอื่นๆ อีกมากมาย ข้อมูล Style ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญของแนวคิดผลิตภัณฑ์สำหรับคีย์บอร์ดแบบพกพา และไอเดียเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ก็มีความสำคัญอย่างมากในยุค 2000 เมื่อนวัตกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วน ด้วยเจตนารมณ์ดังกล่าว Yamaha จึงได้เริ่มปรับปรุงระบบเฟิร์มแวร์และ UI ในช่วงเวลานั้น โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้รองรับเนื้อหาและคุณสมบัติเพิ่มเติมในอนาคตได้ง่าย คุณสมบัติเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานของ Tyros ซีรีส์ ที่จะเปิดตัวในเวลาต่อมาด้วย

  • The Yamaha Music Manufacturing Asia factory, established in 1997

โรงงาน Yamaha Music Manufacturing Asia ก่อตั้งขึ้นในปี 1997

รุ่นที่เปิดตัวในขณะนั้นล้วนมีความพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น PSR-2100/1100 ที่เปิดตัวในปี 2003 และตามมาติดๆ ด้วยรุ่น PSR-3000/1500 ในปี 2004 จากนั้น มีการเปิดตัว PSR-S900/S700 ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกของ S ซีรีส์ ในปี 2007 ซึ่งเป็นต้นแบบของกลุ่มผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน

เริ่มจาก PSR-S950/750 ที่เปิดตัวในปี 2012 คีย์บอร์ดที่สามารถขยายรูปแบบคลื่นด้วยหน่วยความจำแฟลชในตัวได้ ทำให้เสียงเครื่องดนตรีพื้นบ้านได้รับการปรับปรุงอย่างมาก Yamaha เปิดตัวแพ็คเกจเสริมจำนวนหนึ่งชื่อว่า Voice & Style Expansion ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างเสียงได้นับไม่ถ้วน และยังสนับสนุนการขายข้อมูลเสียงที่เป็นกรรมสิทธิ์อีกด้วย ในปี 2015 บริษัทได้ทำการเปิดตัว PSR-S970 ที่มีขนาดหน่วยความจำรูปแบบคลื่นใหญ่ขึ้นถึงแปดเท่า สามปีต่อมา มีการเปิดตัว PSR-S975 ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของ S ซีรีส์ คีย์บอร์ดตั้งแต่รุ่น PSR-2000 ไปจนถึง PSR-S975 ได้รับความนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ทำให้ Yamaha สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดจาก Technics ซึ่งเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในทศวรรษที่ 1990 ได้

A roadshow for Organ Tunggal

กิจกรรมสำหรับ Organ Tunggal

ในขณะเดียวกัน Arranger Workstations ที่ออกแบบมาสำหรับดนตรีตะวันออกกลางก็เป็นที่ต้องการในตลาดตะวันออกกลางมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว Yamaha จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดตะวันออกกลางหลายรุ่น: PSR-A1000 ที่พัฒนามาจากรุ่น PSR-2000 ในปี 2002, PSR-OR700 ที่พัฒนามาจากรุ่น PSR-3000 ในปี 2007, PSR-A2000 ที่พัฒนามาจากรุ่น PSR-S910 ในปี 2011 และ PSR-A3000 ที่พัฒนามาจากรุ่น PSR-S950 ในปี 2015 แผงด้านหน้าของรุ่นเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้ปรับเทียบสเกลได้ง่าย ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อการเล่นเป็นวงร่วมกับเครื่องดนตรีอะคูสติกในภูมิภาคนั้น

รุ่น PSR-A3000 รองรับการขยายรูปแบบคลื่นได้ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่ได้รับความนิยมเนื่องจากช่วยปรับปรุงให้เสียงเครื่องดนตรีตะวันออกกลางไพเราะขึ้นมาก

การพัฒนายังคงดำเนินต่อไปด้วยรุ่น PSR-SX900 ในปี 2019 คีย์บอร์ด PSR-SX ซีรีส์ โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส ไม่มีปุ่มขนาดใหญ่ทางด้านข้างและด้านล่างของจอแสดงผลแล้วเพื่อโครงสร้างที่ดูเรียบง่ายขึ้น และยังใช้แป้นคีย์ FSB คุณภาพสูงแบบเดียวกับที่ใช้ในอิเล็กโทนรุ่น ELB-01 และสเตจคีย์บอร์ดรุ่น CK61 เพื่อปรับปรุงคุณภาพของคีย์บอร์ดให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังติดตั้งฟังก์ชัน Time Stretch สำหรับใช้ในการเปลี่ยนเท็มโปโดยไม่ต้องเปลี่ยนพิตช์เมื่อเล่นไฟล์เสียง ฟังก์ชัน Pitch Shift สำหรับแปลงพิตช์โดยไม่ต้องเปลี่ยนเสียง และฟังก์ชันการเล่นเสียงอื่นๆ เพื่อให้เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้งานได้หลากหลายตั้งแต่การแสดงตาม Style ไปจนถึงการเล่นเป็นวงพร้อมไฟล์คาราโอเกะ

PSR-SX900

PSR-SX900

ในฐานะที่เป็นรุ่นต่อจาก PSR-SX900 คีย์บอร์ดรุ่น PSR-SX920 และ PSR-SX720 จึงได้รับการพัฒนาให้เป็น Workstation ที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดคือเป็นคีย์บอร์ด PSR ซีรีส์รุ่นแรกที่มีฟังก์ชัน Super Articulation Voice+ (S.Art+) และ Super Articulation Voice 2 (S. Art2) S.Art+ จะสับเปลี่ยนระหว่างตัวอย่างของเทคนิคต่างๆ อย่างแนบเนียน เช่น สับเปลี่ยนระหว่างเสียง Legato และ Pizzicato สำหรับเครื่องสาย เพียงแค่กดปุ่มที่กำหนด หรือสับเปลี่ยนเป็นเสียงเครื่องสายแบบโทรโมโลโดยใช้จอยสติก S.Art2 (รายละเอียดจะอธิบายต่อไป) เป็นฟังก์ชันหนึ่งบน Genos2 (รุ่นที่ดีที่สุดในปัจจุบัน) ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ทางดนตรีได้หลากหลายมากขึ้น PSR-SX920 และ PSR-SX720 ยังมีฟังก์ชัน Crossfade Portamento ที่จะปรับการเปลี่ยนแปลงของพิตช์สำหรับเสียงไวโอลินและเครื่องสายอื่นๆ ให้ราบรื่น ซินธิไซเซอร์แบบ PCM ทั่วไป สามารถถ่ายทอด Legato ได้โดยการเปลี่ยนแปลงพิตช์ของรูปแบบคลื่นเริ่มแรก ซึ่งเป็นวิธีที่ทำลายความละเอียดอ่อนของเสียง Legato ที่แท้จริง Crossfade Portamento ทำให้ได้เสียงที่เหมือนกับเครื่องดนตรีอะคูสติกโดยไม่มีสัญญาณดิจิตอลรบกวน ทำให้ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น สุดท้ายนี้ PSR-SX920 และ PSR-SX720 มาพร้อม Arranger ที่มีคุณสมบัติแทบจะเหมือนกับ Workstation ใน Genos ซีรีส์ โดยมีเอฟเฟกต์ Insertion มากถึงสองเท่า, ฟังก์ชัน Style Dynamics, ฟังก์ชัน Smart Chord ที่สามารถจดจำโทนิค โดมิแนนท์ และความสัมพันธ์ของฮาร์โมนิคอื่นๆ ของพรีเซ็ตแป้นคีย์ และเล่นคอร์ดที่ซับซ้อนด้วยการกดเพียงแป้นคีย์เดียวได้โดยอัตโนมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย

ในขณะที่รุ่นเรือธงอย่าง Tyros และ Genos ซีรีส์ ทำยอดขายได้ดีมาก โดยเฉพาะในประเทศเยอรมนี แต่ความคุ้มค่าของ Arranger Workstation ระดับกลางทำให้เป็นที่นิยมในเอเชีย ตะวันออกกลาง และลาตินอเมริกา จึงถือว่ามีส่วนสนับสนุนวัฒนธรรมทางดนตรีของแต่ละประเทศในภูมิภาคเหล่านั้นเป็นอย่างดี Yamaha สนับสนุนความร่วมมือกันในการสร้างสรรค์เนื้อหาสำหรับ PSX-SX ซีรีส์และรุ่นที่สูงกว่า ระหว่างสำนักงานใหญ่กับลาตินอเมริกา ประเทศที่พูดภาษาสเปนมีอยู่ประมาณ 20 ประเทศ แต่ดนตรีที่เล่นในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ในการจำลองดนตรีของแต่ละประเทศให้สมจริง ทีมงานจากสำนักงานใหญ่ของ Yamaha กับสาขาในท้องถิ่นจะต้องไปมาหาสู่กันเป็นเวลาหลายปีเพื่อประชุมเกี่ยวกับการผลิตเนื้อหา จนปัจจุบัน การผลิตชุดเนื้อหาคุณภาพสูงเฉพาะท้องถิ่นได้กลายเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปของบริษัทแล้ว

ปัจจุบัน บริษัทได้เปลี่ยนฐานการผลิตไปที่ YMMA และสามารถจำหน่ายรุ่นที่เป็นที่ต้องการของท้องถิ่นได้ ผู้คนให้ความเชื่อมั่นในคีย์บอร์ดแบบพกพาของ Yamaha เพิ่มขึ้น ทำให้เราได้ส่วนแบ่งทางการตลาดในแต่ละประเทศมากขึ้น นี่จึงเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมสำหรับการผลิตในท้องถิ่นเพื่อการบริโภคในท้องถิ่น

Tyros: โดดเด่นด้วยดีไซน์เสมอมา

Tyros

สิ่งที่ควบคู่ไปกับการพัฒนาเหล่านี้ ก็คือ Yamaha ได้เริ่มดำเนินการอีกหนึ่งความท้าทายในปี 2002 นั่นก็คือ Tyros Arranger Workstation ดิจิตอล การพัฒนา Tyros นั้นเริ่มต้นมาจากแนวคิด ซึ่งต่างจากคีย์บอร์ดแบบพกพารุ่นก่อนหน้านี้ มุมมองของแนวคิดนี้ยังเป็นสิ่งใหม่ นั่นคือการเน้นดีไซน์มากกว่าการทำงานระบบดิจิตอล โดยภาพร่างเริ่มแรกนั้นประกอบด้วยแผงหน้าจอแบบพับขึ้นได้ มีลำโพงที่ยื่นออกมาจากด้านบนตัวเครื่อง และแผงด้านข้างถูกปรับเปลี่ยนได้จับง่ายขึ้น เมื่อ Shinichi Ito ซึ่งเป็นผู้อำนวยการผลิตของ Yamaha สำนักงานใหญ่ในขณะนั้น เห็นภาพร่าง เป้าหมายของเขาคือดีไซน์และเสียงที่สร้างความประทับใจ เขาเปรียบเครื่องดนตรีเป็นเสมือนภัตตาคาร ดีไซน์ เปรียบเสมือนหน้าร้าน และเสียงเปรียบเสมือนครัว วิธีการของเขาคือการค้นหาแนวทางในการจำลองเสียงอะคูสติกที่สมจริงอย่างละเอียดและสมบูรณ์แบบ

วิธีการหนึ่งก็คือการบันทึกเสียงทั้งหมดที่ถูกปล่อยออกมาขณะเล่นดนตรี ซึ่งรวมถึงสัญญาณรบกวนด้วย นอกจากนี้ Yamaha ยังโฟกัสกับความจริงที่ว่าโน้ตตัวเดียวกันจากเครื่องดนตรีเดียวกันจะให้เสียงที่แตกต่างกันตามวิธีการเล่น จึงได้ทำการบันทึกโน้ตที่เล่นด้วยวิธีการที่หลากหลาย ด้วยไฟล์ตัวอย่างที่บันทึกใหม่จำนวนมาก (ไฟล์เสียงขนาดใหญ่) ทำให้คีย์บอร์ดรุ่นใหม่มีเสียงใหม่ๆ มากกว่าคีย์บอร์ดแบบพกพาที่มีอยู่เดิม Tyros Arranger Workstation ดิจิตอล คือผลิตภัณฑ์ที่มีแนวคิดรูปแบบใหม่ทั้งในแง่ดีไซน์และเสียง

Tyros Workstation ถูกออกแบบมาสำหรับนักดนตรีมืออาชีพที่ทำการแสดงบนเวที และมีดีไซน์ที่ทันสมัยขึ้นเนื่องจากไม่มีลำโพงในตัวเหมือนกับคีย์บอร์ด PSR ซีรีส์ (แม้จะติดตั้งลำโพงที่ด้านบนของตัวเครื่องหลักเป็นอุปกรณ์เสริมได้ แต่นักดนตรีส่วนใหญ่ก็มักใช้ระบบเสียงของสถานที่ที่ทำการแสดง ดังนั้น จึงไม่ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น) เพื่อปรับปรุงการมองเห็นบนเวทีที่มืด สวิตช์หลักจึงมาพร้อมไฟ LED ส่องสว่าง และสวิตช์บางตำแหน่งจะมีไฟ LED อยู่ที่มุมบนซ้าย การแก้ไขปัญหาเหล่านี้และอื่นๆ เป็นการตอบสนองความต้องการของผู้แสดง

Tyros

Tyros

แนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และ Yamaha ก็ได้เปิดตัว Tyros2 ในปี 2005 ตัวอย่างเสียงจำนวนมหาศาลที่ถูกบันทึกไว้ใน Tyros นั้นกลายเป็นปัญหาอยู่บ้าง เพราะซับซ้อนเกินกว่าจะใช้งานหรือแสดงศักยภาพได้เต็มที่ด้วยเทคนิคการเล่นคีย์บอร์ดแบบเดิม ยกตัวอย่างเช่น กีตาร์ เทคนิคการตีคอร์ดและอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกีตาร์ เป็นสิ่งที่ทำให้เสียงของกีตาร์มีความเฉพาะตัว แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถตีคอร์ดกีตาร์ด้วยแป้นคีย์ของคีย์บอร์ดได้ เพื่อแก้ปัญหานี้ Yamaha จึงได้สร้างฟังก์ชัน Super Articulation ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นสามารถถ่ายทอดเสียงของเครื่องดนตรีชนิดอื่นได้โดยไม่ต้องเรียนรู้เทคนิคใหม่ ตัวอย่างเช่น ผู้เล่นสามารถเล่น Legato หรือ Staccato บนคีย์บอร์ดเพื่อเข้าถึงตัวอย่างเสียงใหม่ๆ หรือใช้วงล้อปรับพิตช์ (pitch bend wheel) และสวิตช์แบบเท้าเหยียบในการสับเปลี่ยนเทคนิคต่างๆ เพื่อเพิ่มขอบเขตการถ่ายทอดอารมณ์ได้มากกว่าที่คีย์บอร์ดแบบเดิมเคยทำได้ เพื่อให้การแสดงมีความหลากหลาย เช่น เสียงของสายกีตาร์อะคูสติกหรือเสียงแซกโซโฟน แทนที่จะมีเพียงโน้ต Legato เพียงอย่างเดียว

นักดนตรีทั่วโลกต่างชื่นชอบฟังก์ชัน Super Articulation และบน YouTube ก็เต็มไปด้วยตัวอย่างจริงของการใช้งานฟังก์ชันนี้

Tyros3 ที่เปิดตัวในปี 2008 มาพร้อมคีย์บอร์ด FSX ที่ได้รับการพัฒนาความสามารถในการเล่นดีขึ้นมาก รูปแบบคลื่นซินธิไซเซอร์ MOTIF เพิ่มเติม สามารถนำเข้ารูปแบบคลื่นภายนอก และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากจะปรับปรุงฟังก์ชันการใช้งานในฐานะคีย์บอร์ดระดับมืออาชีพแล้ว ยังมาพร้อมฮาร์ดดิสก์บันทึกเสียงแบบสองแทร็กสำหรับผลิตงานเพลงตั้งแต่ต้นจนจบภายในอุปกรณ์เครื่องเดียว Tyros3 ยังมาพร้อม Super Articulation 2 (S.Art2) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะแบ่งเสียงต่างๆ ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนต้น ส่วนกลาง และส่วนท้าย โดยจะเลือกข้อมูลตัวอย่างเสียงที่เหมาะกับโอกาสต่างๆ จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วแล้วเชื่อมเข้าด้วยกันอย่างราบรื่น S.Art2 เป็นประโยชน์ต่อการจำลองเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมและเครื่องดนตรีชนิดอื่นที่เสียงแปรผันตามเทคนิคการเล่น และใช้เทคโนโลยี Articulation Element Model (AEM)

สองปีต่อมา (2010) Yamaha ได้เปิดตัว Tyros4 ที่มาพร้อมข้อมูล Style ที่ดีขึ้น และฟังก์ชัน Vocal Harmony บริษัทมีการปรับปรุงฟังก์ชันการใช้งานให้ทันยุคทันสมัย รวมถึงความสามารถในการดาวน์โหลดเนื้อหาด้วยการเชื่อมต่อเครือข่ายและการเล่นไฟล์ mp3 ในช่วงเวลาดังกล่าว Tyros มีการอัพเดตหลายซีรีส์ให้ใกล้เคียงกับซินธิไซเซอร์ MOTIF ซีรีส์มากขึ้น และในปี 2012 มีการเปิดตัว Tyros4B รุ่นสีดำที่มีดีไซน์คล้ายกับ MOTIF XF ในปีต่อมาก็ได้มีการเปิดตัว Tyros5 ที่มาพร้อมไฟล์กรู๊ฟเสียงกลองจริงและเอฟเฟกต์ VCM Tyros5 มีเสียงใหม่เพิ่มมาอีกกว่า 300 รายการ (รวมเสียง S.Art2) และแพ็คเกจโปรแกรมการปรับแต่งเสียงเพิ่มเติม คุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ ฟังก์ชัน Ensemble Voice ที่สามารถถ่ายทอดคอร์ดเป็นเสียงเครื่องเป่าทองเหลืองสี่ชิ้น และฟังก์ชัน Organ World ที่ทำให้เสียงออร์แกนแบบวินเทจสามารถกับ UI ได้ Tyros5 มีการปรับปรุงคุณสมบัติทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการแสดงขั้นสูง นอกจากนี้ Yamaha ยังได้เปิดตัว Tyros5 รุ่น 76 แป้นคีย์ด้วย

Tyros4

Tyros4

GENOS Digital Workstation ระดับมืออาชีพ

Tyros ซีรีส์ มีการอัพเดตไปแล้วสี่รุ่น จนมาถึงการเปิดตัว Tyros5 และทำยอดขายได้ดีมาตลอด 15 ปี สาเหตุก็เหมือนกันผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่สามารถยืนระยะได้นาน นั่นคือ ฐานผู้ใช้งานเป็นกลุ่มที่มีอายุมากขึ้น เดิมที Tyros มุ่งเป้ากลุ่มลูกค้าวัยกลางคนไปจนถึงวัยสูงอายุ (40 ถึง 70 ปี) และเมื่อมีอัพเดตแต่ละรุ่น เราก็จะเปลี่ยนโฟกัสหลักมาเป็นผู้ใช้งานกลุ่มใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากในการจะดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่

เพื่อแก้ไขข้อกังวลนี้และสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ไปพร้อมกับทำให้ผู้ใช้ Tyros เดิมพึงพอใจ Yamaha จึงตัดสินใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ Genos ซึ่งสร้างด้วยแนวคิดใหม่ แทนที่สานต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ Tyros ไปจนถึง Tyros6 ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายของ Tyros คือกลุ่มผู้ที่เพลิดเพลินกับการเล่นอยู่ที่บ้าน แต่ Genos ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อดึงดูดกลุ่มนักดนตรีที่ต้องแสดงบนเวที ในยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักของ Arranger Workstation นักดนตรีจำนวนมากที่เล่นอยู่ตามสถานที่อย่างเช่น เลานจ์และบาร์ เป็นคนรุ่นใหม่กว่ากลุ่มเป้าหมายหลักของ Tyros Yamaha ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยแนวคิดที่จะช่วยให้นักดนตรีที่เป็นคนรุ่นใหม่แสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ จึงได้เปิดตัว Genos Digital Workstation รุ่นใหม่ในปี 2017 บริษัทตั้งชื่อว่า “Genos” จากคำว่า “generate” ในภาษาอังกฤษและคำว่า “genos” ในภาษากรีก ซึ่งแปลว่า “ผู้คน” หรือ “กลุ่ม” บริษัทเปลี่ยนชื่อเพราะต้องการเปลี่ยนภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ใหม่

Genos

Genos

สิ่งที่แตกต่างจาก Tyros ข้อแรกคือใช้ Linux เป็นระบบปฏิบัติการ (OS) ภายใน การเปลี่ยนแปลงนี้คล้ายกับใน MONTAGE ซีรีส์ ที่เปิดตัวในปี 2016 และช่วยให้การเพิ่มฟังก์ชันการทำงานผ่านการอัพเกรดซอฟต์แวร์ทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นักดนตรีบนเวทีต่างชื่นชอบ Tyros5 แบบ 76 แป้นคีย์เป็นอย่างมาก จนทำให้ Yamaha ตัดสินใจให้ Genos Workstation ทั้งหมดมี 76 แป้นคีย์ การดำเนินการนี้แสดงให้เห็นความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าของบริษัทที่มีต่อผู้แสดงบนเวที จอแสดงผลหลักเป็นหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 9 นิ้ว เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมเสียง Styles และเอฟเฟกต์ต่างๆ ในขณะที่จอแสดงผลย่อยที่เชื่อมโยงกับปุ่มทั้งหกและแถบเลื่อนทั้งเก้า ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเสียงและพารามิเตอร์ระดับเสียงได้แบบเรียลไทม์ทันที และยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย การแยกข้อมูลตัวเลขนี้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการแสดงบนเวทีเนื่องจากจอแสดงผลหลักสามารถแสดงเพลย์ลิสต์และข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับเพลง เนื้อเพลง คอร์ด และข้อมูลอื่นๆ ที่ผู้แสดงต้องการได้ทันทีตลอดเวลา

โปรแกรมการปรับแต่งเสียงก็ได้รับการปรับปรุงเช่นกัน โดยการอัพเดตรูปแบบคลื่นตัวอย่างเสียง และเพิ่มจำนวนเสียงมากกว่าใน Tyros5 ได้แก่ เสียง S.Art2 75 เสียง (จากเดิม 44) และเสียง S.Art 390 เสียง (จากเดิม 288) ด้วยการพัฒนาดังกล่าว ฟังก์ชัน Super Articulation Voices ใน Digital Workstation ของ Yamaha จึงกลายเป็นขุมทรัพย์ขนาดใหญ่สำหรับนักดนตรีที่ชอบเล่นเครื่องดนตรีทุกชนิดด้วยตัวเอง โปรแกรมการปรับแต่งเสียงได้รับการพัฒนาให้เป็นสื่อกลางสำหรับถ่ายทอดความหลากหลายของโทนเสียงที่สมจริงกว่าโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ AWM

คีย์บอร์ด Genos มีความโดดเด่นต่างจากคีย์บอร์ดอื่นในแง่ของดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน ในยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของ Digital Workstation มี “นักแสดงเดี่ยว” หลายคนที่ทำหน้าที่ทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่เล่นดนตรีไปจนถึงเป็น MC ไม่ว่าจะเป็นในเลานต์ บาร์ และอื่นๆ ภารกิจของบริษัทคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถดึงดูดใจศิลปินเดี่ยวกลุ่มนี้ได้ คุณ Kunihiro Takei นักออกแบบของ Yamaha Design Laboratory จึงได้ออกเดินทางไปค้นหาจุดเชื่อมโยงของตลาด: ประเทศเยอรมนี เขาสังเกตเห็นว่าพวกเขาเล่นดนตรี ร้องเพลง เต้น และเป็นผู้ดำเนินรายการโดยอาศัยความสามารถขั้นสูงของความเป็นทั้งผู้ให้ความบันเทิงและนักคีย์บอร์ด ในมุมมองของเขา Yamaha ต้องออกแบบซินธิไซเซอร์ให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์พร้อมประสิทธิภาพรอบด้าน คุณ Takei เปรียบการแสดงของพวกเขาในช่วงเวลาสำคัญต่อหน้าผู้ชม ว่าเหมือนกับนักบินที่บังคับเครื่องบินอย่างใจเย็นท่ามกลางกระแสลมหมุนวน สิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขาออกแบบให้มีพื้นผิวโค้งแต่นุ่มนวลเหมือนเครื่องบิน และอินเตอร์เฟสที่สวยงามแต่สามารถส่งข้อมูลได้อย่างแม่นยำเสมอแบบเดียวกับมาตรวัดในห้องนักบิน และด้วยแนวคิดพื้นฐานที่ต้องการให้ด้านหลังและด้านล่างของ Workstation เป็น “ส่วนหน้า” เมื่อมองจากฝั่งผู้ชม เขาจึงตั้งใจออกแบบให้ด้านล่างเป็นสีขาวอมครีมตัดกับสีดำที่ด้านหลัง และตั้งใจเว้นขอบให้เหลื่อมกันเล็กน้อยไม่ให้เรียบเสมอกัน เพื่อสะท้อนแสงและลดความรู้สึกไม่เป็นระเบียบจากพอร์ตและสายเคเบิล

แนวคิดใหม่ทั้งหมดนี้เองทำให้ Genos ได้รับความนิยมในหมู่นักแสดงเดี่ยวในฐานะ Digital Workstation รุ่นใหม่

Feature Image

Genos ซีรีส์ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัว Genos2 ในหกปีต่อมาในปี 2023 Genos2 มีโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ AWM พร้อม AEM นอกเหนือจากโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ FM นั่นหมายความว่าผู้ใช้งานสามารถเล่นเสียงที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ FM ที่มีมาตั้งแต่รุ่น DX7 ได้ ทำให้นักดนตรีบนเวทีสามารถเล่นเสียงเปียโนไฟฟ้า DX และเสียงที่คมชัดและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของดนตรีในยุคปัจจุบันนี้ ตัวอย่างเสียงกลอง AWM ได้รับการบันทึกเสียงด้วยไมโครโฟนหลายตัว และ Workstation มาพร้อม Ambient Drums เพื่อการควบคุมเสียงแวดล้อมอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ใช้สามารถสร้างเสียงกลองที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นในสถานการณ์ต่างๆ ได้ เมื่อทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Style Dynamics Control จะทำให้สามารถควบคุมไดนามิกได้แบบเรียลไทม์ให้สอดคล้องกับบรรยากาศในเพลง ทำให้ Style เดียวกันมีความต่างกันทั้งในท่อนเวิร์ส คอรัส และบริดจ์ การผสมผสานนี้ช่วยขจัดปัญหาการทำลายบรรยากาศด้วยดนตรีที่ไม่เหมาะสม เช่น เสียงกลองที่ดังเกินไปจนทำลายบรรยากาศงานแต่งงานหรือปาร์ตี้ นี่ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นมืออาชีพของ Genos2

นอกจากกลองแล้ว ฟังก์ชัน Style Dynamics Control ยังเหมาะกับเสียงอื่นๆ ของการเล่นตาม Style ที่ผู้ใช้สามารถเป็นผู้ควบคุมวงดนตรีด้วยการควบคุมไดนามิกของแต่ละท่อนได้อย่างสมบูรณ์

Genos2 ยังมาพร้อม REVelation Reverb เดียวกันกับ Steinberg Cubase DAW ที่พัฒนาปรับปรุงอะคูสติกพื้นฐานของเครื่องดนตรีให้ดียิ่งขึ้น โครงสร้างพื้นฐานของเสียงสะท้อนมีผลอย่างมากต่อผู้ชม โดยเฉพาะการเล่นในสถานที่ขนาดเล็ก การพัฒนาฟังก์ชันเหล่านี้เป็นการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ Genos และยังเป็นสิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความเฉพาะตัวด้วยแนวคิดที่ชัดเจน คุณสมบัติอื่นๆ ได้แก่ ปุ่มหมุนและแถบเลื่อนพร้อม LED เพื่อการมองเห็นได้ดีขึ้นบนเวทีที่มืด พอร์ต HDMI สำหรับเชื่อมต่อกับจอแสดงผลภายนอก และการรับสัญญาณระบบเสียง Bluetooth

Yamaha ยังจัดทำแอป MIDI Song to Style สำหรับ Arranger Workstation ซีรีส์อีกด้วย เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างและแก้ไข Styles บนคอมพิวเตอร์และโหลดเข้าไปใน Workstations ของตัวเองได้ เดิมที บริษัทได้จัดทำ Voice & Style Expansion Pack สำหรับ Workstations ของ Tyros และ Genos (รวมถึง PSR ซีรีส์) เพื่อเพิ่มเสียงและ Style เครื่องดนตรีที่มีความเฉพาะตัวสำหรับแต่ละภูมิภาค Voice & Style Expansion Pack 2 ที่ล้ำสมัยขึ้นนี้เปิดตัวพร้อมกับ Genos2 และยังมี DX7 Pack ที่ออกแบบมาเพื่อดึงเสน่ห์และศักยภาพของโปรแกรมการปรับแต่งเสียงแบบ FM บนเครื่องดนตรีนี้

  • Voice & Style Expansion Pack

Voice & Style Expansion Pack

แพ็คเกจเสริมเหล่านี้มีเนื้อหาที่เป็นข้อมูล Style จำนวนมาก จึงต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมากในการค้นหาทั้งหมดเพื่อเลือก Style ที่ต้องการ ลองจินตนาการถึงความยุ่งยากของผู้ใช้งานที่พยายามค้นหา Style ที่เหมาะกับเซ็ตเพลงในการแสดงสดที่กำลังจะเริ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Yamaha จึงได้จัดทำแอป Expansion Explorer บนสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยให้ค้นหา Style ที่ต้องการและติดตั้งลงใน Workstation ได้ง่าย เพียงแค่ป้อนภูมิภาค แนวเพลง หรือคำค้นหาอื่นๆ Expansion Explorer ก็จะระบุเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจาก Voice & Style Expansion Pack ที่เข้ากันทั้งหมดให้ และสามารถเลือกฟังได้ เมื่อพบ Style ที่ชอบแล้ว ผู้ใช้สามารถตั้งชื่อใหม่แล้วนำเข้าไปยัง Workstation ของตัวเองได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกไฟล์เพลงบนสมาร์ทโฟนและให้แอปช่วยวิเคราะห์และแนะนำ Style ให้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากเนื้อหาคุณภาพสูงของ Voice & Style Expansion Pack Expansion Explorer รองรับการใช้งาน PSR-SX920/720 และ PSR-A5000 (ต้องมีการอัพเกรดเฟิร์มแวร์) รวมถึง Genos2

ความโดดเด่นของดีไซน์ ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และคุณสมบัติที่ครบครันทำให้ Digital Workstation ใน Genos ซีรีส์ เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพที่สุดในตลาดขณะนี้

ทศวรรษ 2020 และอนาคตของตลาดระดับไฮเอนด์

ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจของเอเชียและดนตรีที่มีการเผยแพร่บนช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้วัฒนธรรมทางดนตรีก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล ตัวอย่างเช่น เพลงจากอเมริกาเหนือและญี่ปุ่นติดชาร์ตในประเทศแถบเอเชีย การพัฒนาเหล่านี้คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังจำนวนผู้เล่นดนตรีและโอกาสในการเล่นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น นักดนตรีที่เล่นดนตรีในอาหาร) ที่เพิ่มขึ้น คีย์บอร์ดแบบพกพารุ่นไฮเอนด์จะกลายเป็นเครื่องมือที่จำเป็น โดยเฉพาะสำหรับศิลปินเดี่ยว ทั้งในแง่ของเสียง Styles ฟังก์ชันการใช้งาน และดีไซน์ ดังที่อธิบายไปแล้วในหัวข้อเกี่ยวกับ Genos

สิ่งเหล่านี้คือเหตุการณ์ที่ COVID-19 เริ่มสร้างความเสียหายไปทั่วโลกในปี 2020 สถานการณ์ของโรคระบาดส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดคีย์บอร์ดแบบพกพาเช่นกัน ไม่ต่างจากผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวัน นักดนตรีกลางคืนต่างตกงานด้วยข้อจำกัดของการเล่นในสถานที่ที่มีการรวมตัวกัน ส่งผลให้มีการซื้อเครื่องดนตรีน้อยลง ข้อจำกัดในการทำกิจกรรมแบบพบปะกันส่งผลกระทบต่อการศึกษาดนตรีเช่นกัน เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการศึกษา ภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกก็ทำให้การผลิตล่าช้าลงเช่นกัน การควบคุมโรคและรอให้สถานการณ์ฟื้นตัวเป็นหลายปีที่ยากลำบาก

  • EXPANSION EXPLORER

EXPANSION EXPLORER

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2025 อุตสาหกรรมบันเทิงและการศึกษาดนตรีกลับมาคึกคักอีกครั้งเนื่องจากเศรษฐกิจในหลายประเทศฟื้นตัวกลับสู่ภาวะก่อนเกิดโรคระบาด 5 ถึง 10 ปีต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาของการพัฒนาบริการเนื้อหายุคใหม่ เช่น ระบบจัดหาเนื้อหาบนเครือข่ายที่มีอยู่ตั้งแต่ 2020 ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Expansion Explorer ซึ่งใช้สมาร์ทโฟนควบคู่ไปกับคีย์บอร์ดแบบพกพา ความสามารถรอบด้านเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เครื่องดนตรีเข้าถึงผู้คนกลุ่มอื่นนอกเหนือจากวิศวกรได้ แต่ต้องออกแบบอย่างชาญฉลาดให้สามารถเพิ่มคุณค่าได้หลากหลายด้าน และเป็นเครื่องมือสื่อสารที่หยั่งรากลึกลงในวัฒนธรรมดนตรี

คีย์บอร์ดแบบพกพาของ Yamaha ออกแบบมาให้ผู้เล่นสามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านการเล่นได้อย่างเต็มที่ และในฐานะเครื่องดนตรี คีย์บอร์ดแบบพกพาก็เป็นตัวแทนความมุ่งมั่นของบริษัทที่สะท้อนผ่านงานฝีมือที่ละเมียดละไมในฐานะผู้ผลิตเครื่องดนตรี เครื่องดนตรีที่มีคุณภาพสามารถเพิ่มอารมณ์ความรู้สึกให้กับผู้เล่น ช่วยส่งพลังให้ผู้เล่นสามารถสะกดผู้ชมด้วยการเล่นของพวกเขาได้ และยังช่วยขัดเกลาจิตใจของผู้เล่นด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาและการแพทย์ คีย์บอร์ดแบบพกพาเป็นเครื่องดนตรีที่ทุกคนสามารถเล่นและเพลิดเพลินได้ทุกที่ คีย์บอร์ดแบบพกพาได้รับการพัฒนาจนสมบูรณ์เป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานด้วยการรวมวัฒนธรรมทางดนตรีที่หลากหลายจากทั่วโลกเข้าด้วยกันภายใต้แนวคิดการอำนวยความสะดวกในการเพลิดเพลินกับดนตรีได้ทุกที่ทุกเวลา และในอนาคต คีย์บอร์ดแบบพกพาอาจถูกมองว่าเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ อย่างเช่นไวโอลินหรือเปียโน

เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนใช้เครื่องดนตรีในการแบ่งปันดนตรีกับผู้อื่น Yamaha จึงได้มีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเครื่องดนตรีที่ดีที่สุด

  • Genos2
  • PSR-SX720
  • PSR-SX920
  • PSR-A5000
  • PSR-SX600