เทคโนโลยีกีตาร์ไฟฟ้าของ Yamaha
โทนเสียงที่อิงหลักวิทยาศาสตร์
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นแรงผลักดันให้ Yamaha สร้างสรรค์กีตาร์ที่ส่งต่อแรงบันดาลใจ กระบวนการผลิตกีตาร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Yamaha ผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้ากับงานฝีมือแบบดั้งเดิมเพื่อสร้างสรรค์เครื่องดนตรีที่มีประสิทธิภาพสูงได้อย่างลงตัว เรียนรู้ว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดโทนเสียงที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร และความทุ่มเทของ Yamaha ในการสร้างต้นแบบกีตาร์และนำความคิดเห็นหรือคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญมาปรับใช้เพื่อให้กีตาร์ทุกตัวได้รับการปรับแต่งที่พิถีพิถันที่สุดสำหรับการผลิตจำนวนมาก
การออกแบบอะคูสติก
การออกแบบเสียง (Acoustic Design) เป็นกระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมายเพื่อให้ได้เครื่องดนตรีที่มีโทนเสียงที่ไพเราะที่สุด มีความก้องกังวาน สมดุล และเต็มไปด้วยความรู้สึก
การวิเคราะห์เสียง (Acoustic Analysis)
การวิเคราะห์เสียงเป็นการวิเคราะห์ลักษณะการสะท้อนเสียงในเชิงวิทยาศาสตร์ของกีตาร์รุ่นที่ดีที่สุด วิธีการนี้จะทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมของลักษณะเสียงที่ต้องการและทำการจำลองต้นแบบได้
เทคโนโลยี 3D Modeling & Simulation
Yamaha ใช้กระบวนการที่เรียกว่าการวิเคราะห์โมดัล (Modal analysis) ซึ่งจำลองการสั่นสะเทือนบนแบบจำลองกีตาร์ 3D การใช้ข้อมูลนี้ร่วมกับการวิเคราะห์เสียงทำให้เราสามารถออกแบบกีตาร์ที่มีคุณลักษณะของเสียงยอดเยี่ยมที่สุดได้ เราสามารถสร้างเสียงสะท้อนที่สมดุลกันทั้งตัวเครื่องดนตรีโดยลดความต่างของความถี่ในการสั่นสะเทือนระหว่างคอและตัวบอดี้ให้เหลือน้อยที่สุด
การสร้างต้นแบบ
เราสร้างต้นแบบขึ้นตามผลลัพธ์ของการออกแบบเสียง ต้นแบบเหล่านี้ได้รับการประเมินซ้ำๆ โดยศิลปินและวิศวกรของ Yamaha จนได้รายละเอียดที่น่าพึงพอใจออกมาในที่สุด
Revstar
โครงสร้างแบบเจาะช่องที่บอดี้ (Chambered Body)
นอกเหนือจากน้ำหนักที่เบาลงและความสมดุลจากโครงสร้างแบบเจาะช่องที่บอดี้แล้ว กีตาร์ของ Yamaha ที่มีโครงสร้างแบบเจาะช่องที่บอดี้ เช่น รุ่นปัจจุบันอย่าง Revstar นี้ยังถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันให้มีเสียงที่ก้องและสมดุลมากยิ่งขึ้น
เสริมความแข็งแรงด้วยคาร์บอน
รุ่น Revstar Standard และ Professional โดดเด่นด้วยคอกีตาร์แบบเสริมคาร์บอน รุ่น Professional ยังเพิ่มการเสริมความแข็งแรงด้วยคาร์บอนที่ตัวบอดี้ด้วยทำให้น้ำหนักเบาลง การส่งผ่านแรงสั่นสะเทือน และการสร้างเสียงที่ดีขึ้น
Pacifica
การออกแบบให้มีเสียงก้องกังวาน
บอดี้รุ่น Pacifica แบบใหม่ล่าสุดจะมีร่องที่ใต้ปิ๊กการ์ดที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อลดความแข็งในบริเวณนั้นของบอดี้ ในขณะเดียวกัน โครงที่เพิ่มเข้ามาในช่องก็ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับส่วนหลังของบอดี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือการออกแบบซึ่งให้เสียงก้องที่สม่ำเสมอและสมดุล
ปรับใหม่เพื่อการสั่นสะเทือน
Pacifica รุ่นใหม่ มีการปรับรูปทรงหัวกีตาร์ ตำแหน่งเหล็กดามคอกีตาร์ และความยาวรวมของเครื่องดนตรีใหม่เพื่อให้ได้ย่านเสียงต่ำ-กลางที่แน่นและใส
ปิกอัพ
กีตาร์ไฟฟ้าทุกตัวของ Yamaha จะถูกจับคู่กับชุดระบบปิ๊กอัพที่ดีที่สุดเพื่อให้ได้เสียงที่ต้องการ และยังรวมถึงการพัฒนาดีไซน์ของปิ๊กอัพที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเราซึ่งคิดค้นขึ้นสำหรับกีตาร์เฉพาะรุ่น
ปิ๊กอัพ Reflectone ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับ RND
Yamaha ได้ทำงานร่วมกับผู้นำอุตสาหกรรมด้านระบบเสียงอย่าง Rupert Neve Designs เพื่อสร้างสรรค์ชุดปิ๊กอัพที่มีเสียงเหมาะกับกีตาร์รุ่น Pacifica Professional และ Standard Plus เราใช้เวลาสี่ปีในการผสานรวมการออกแบบเสียง (Acoustic Design) ของ Yamaha เข้ากับประสบการณ์การออกแบบหม้อแปลงหลายทศวรรษของ RND จนได้ชุดปิ๊กอัพ Reflectone ที่ให้ย่านเสียงต่ำที่แน่น ย่านเสียงกลางที่ชัดเจน และย่านเสียงสูงที่สดใสเพื่อให้เสียงที่ทันสมัยและคมชัด ปิ๊กอัพ Reflectone ได้รับการปรับแต่งมาโดยเฉพาะเพื่อเติมเต็มกีตาร์รุ่นใหม่อย่าง Pacifica ไม่ว่าจะเป็นวัสดุของหมุดปิ๊กอัพ วิธีการม้วนสาย รูปทรงกระบอก และอื่นๆ
การพัฒนาปิ๊กอัพกีตาร์ของ Yamaha
Revstar โดดเด่นด้วยปิ๊กอัพ YGD ที่มีวิธีการพันแบบพิเศษโดยได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นให้เหมาะสมกับกีตาร์แต่ละรุ่นอย่างลงตัว เรามีการนำปิ๊กอัพต้นแบบกว่า 50 ชิ้น มาทดสอบกับลวด ขดลวด แม่เหล็ก และแผ่นฐานแบบต่างๆ มากมาย จนในที่สุด ก็ได้ออกมาเป็นปิ๊กอัพซีรีส์ Revstar ที่เหมาะสมกับกีตาร์แต่ละรุ่นมากที่สุด
การพัฒนาปิ๊กอัพ RND
เรียนรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับปิ๊กอัพ Reflectone™ ได้ในวิดีโอนี้ โดยคุณ Kenta Ihizaka ผู้ช่วยผู้จัดการแผนก R&D ของ Yamaha และคุณ Dennis Alichwer ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมของ Rupert Neve Designs ได้อธิบายความเป็นมาของการทำงานร่วมกันระหว่าง Yamaha และ RND เอาไว้
ตัวเลือกการสลับปิ๊กอัพ
กีตาร์ของ Yamaha มีตัวเลือกการสลับปิ๊กอัพที่หลากหลายและสร้างสรรค์เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ปุ่ม Focus switch
รุ่น Revstar Standard และ Professional จะมีการเสริมความแข็งแรงด้วยคาร์บอนเพื่อเปลี่ยนแปลงการตอบสนองของเบส จำกัดเอฟเฟกต์ของปุ่ม Dry Switch ดังนั้น วงจรแบบใหม่นี้จึงถูกพัฒนาขึ้นสำหรับรุ่นเหล่านี้เท่านั้น: ปุ่ม Focus Switch ปุ่ม Focus Switch เป็นวงจรบูสต์แบบพาสซีพที่ลดเสียงแหลมและเพิ่มเสียงเบสและเสียงกลางโดยการเพิ่มหม้อแปลงไปที่เส้นทางการรับส่งสัญญาณ ในด้านโทนเสียง จะได้เอฟเฟกต์ที่คล้ายกับปิ๊กอัพแบบ Overwound โดยใช้งานได้ดีกับโทนเสียงหม่นๆ หรือ Roll Off Jazz หรือใช้ดันปรีแอมป์แบบหลอดลงในโอเวอร์ไดรฟ์
ปุ่ม Dry switch
Dry Switch ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Yamaha จะทำให้แยกคอยล์ได้หลากหลายแบบ แต่จะให้โทนเสียงที่ดีกว่ามาก Dry Switch ใช้วงจรตัวกรองแบบพาสซีพในการกรองความถี่ต่ำออกไปเพื่อให้เสียงปิ๊กอัพแบบคอยล์เดี่ยวที่หนักแน่นและชัดเจนโดยไม่มีเสียงฮัมและโทนเสียงหลอนๆ ซึ่งมักเกิดกับปิ๊กอัพฮัมบัคกิ้งแบบแยกส่วน Dry Switch ทำงานได้กับทั้งฮัมบัคกิ้งและ P90s เพื่อให้โทนเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และใช้งานได้จริง Dry Switch ถูกนำมาใช้กับซีรีส์ Revstar รุ่นดั้งเดิมอย่าง RS400 และรุ่นที่สูงกว่านั้น และปัจจุบันมีอยู่ในรุ่น Revstar Element
Phase Shift
รุ่น Revstar Standard และ Professional ใช้วงจรสวิชชิ่งแบบ 5 ทาง เพื่อเพิ่มความหลากหลายด้วยปิ๊กอัพเพียงสองตัว ในตำแหน่ง 2 และ 4 สัญญาณจากปิ๊กอัพตรงข้ามจะเคลื่อนผ่านคาปาซิเตอร์ที่ให้สัญญาณดีเลย์เล็กน้อย ทำให้การปรับเฟสระหว่างปิ๊กอัพแต่ละตัวละเอียดกว่าการสลับลวดหรือการสลับขั้วแบบทั่วไป ส่งผลให้ Revstar มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เทคโนโลยี IRA
Yamaha ใช้กระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะที่เรียกว่า Initial Response Acceleration (I.R.A.) กระบวนการนี้จะส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนเฉพาะไปยังเครื่องดนตรีทุกชิ้นเพื่อขจัดแรงเค้นระหว่างเนื้อไม้กับสีเคลือบ คอกีตาร์กับฟิงเกอร์บอร์ด และบอดี้กับฮาร์ดแวร์ ทำให้ได้เครื่องดนตรีใหม่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องดนตรีที่ “ผ่านการเล่น” มาแล้วและให้เสียงก้องกังวาน
การพัฒนาระดับโลกและการประเมินผลจากศิลปิน
กระบวนการพัฒนาระดับโลก
เนื่องจากบริษัท Yamaha เป็นบริษัทระดับโลก กระบวนการในการพัฒนากีตาร์ไฟฟ้าจึงมีการรวบรวมข้อมูลจากทั่วโลก หลังจากศิลปินทำการประเมินกีตาร์ต้นแบบแล้ว เราก็จะปรับปรุงแก้ไขการออกแบบของเรา ซึ่งกระบวนการพัฒนานี้ช่วยให้เราออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดได้สำเร็จ กระบวนการต่างๆ นี้ทำให้เรามีความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ้ง จึงช่วยให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ตอบสนองความต้องการและความชอบของผู้เล่นแต่ละประเภทได้
การประเมินผลจากศิลปินระดับโลก
การประเมินผลจากศิลปินนับเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนสำคัญในกระบวนการออกแบบของ Yamaha นับตั้งแต่เราเริ่มพัฒนากีตาร์ในยุค 60 กระบวนการรวบรวมความคิดเห็นจากหลากหลายศิลปินทั่วโลกกว่าหลายทศวรรษของเราทำให้เรามีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับแง่มุมต่างๆ ที่สำคัญเพื่อนำมาใช้กับการออกแบบกีตาร์