อภิวุฒิ มินาลัย
Biography
อภิวุฒิ มินาลัย (เกิดเมื่อ พ.ศ.2524 ) ผู้ควบคุมวง, นักเรียบเรียงเสียงประสาน , ผู้อำนวยเพลง และนักให้การศึกษาด้านดนตรีประเภทวงดุริยางค์เครื่องลมกับนักเรียน
อภิวุฒิ จบการศึกษาด้านดนตรีจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจุจุบันเป็นผู้ควบคุมวงดุริยางค์เครื่องลมของโรงเรียนสุรนารีวิทยาจังหวัดนครราชสีมา ในงานด้านการควบคุมวงนั้น ( ปี 2558 – ปัจจุบัน ) วง Suranaree Girls Wind Symphony & Marching Band มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมายทั้งการสอนและการควบคุมวงในระดับชาติและนานาชาติ ทั้งด้านการนั่งบรรเลง การเดินพาเหรด และโชว์แปรขบวนในสนาม การตัดสินวงในหลายๆประเทศ ทั้งใน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศในแถบยุโรปและ แคนาดา
ภายใต้การอำนวยเพลงและการควบคุมวงของอภิวุฒิ วงดุริยางค์ของโรงเรียนได้รับเชิญจาก WMC World Music Contest เมือง Kerkrade ประเทศ Netherlands และได้รับรางวัลเหรียญทองในการประกวดนั่งบรรเลงในการประกวดวงคอนเสริต์ ครั้งที่ 17 ของ WMC
อภิวุฒิเป็นคนไทยคนแรก ที่อำนวยเพลงให้วงโยธวาทิตในประเทศชาวญี่ปุ่นและชนะเลิศ ในการประกวดระดับชาติของประเทศญี่ปุ่นจำนวน 4 ครั้ง และอำนวยเพลงทั้งหมด 6 ฤดูกาลแข่งขัน ได้รับรางวัลชนะเลิศจากนายกรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่น โดยอำนวยเพลงให้กับวง The Tenrikyo Aimachi Band จากเมืองNagoya ประเทศญี่ปุ่นและศึกษาการจัดการ การควบคุมวง และเรียนวิชาในศาสนาเทนริเคียวกับ Mr. Kiyokatzu Sekine
อภิวุฒิ มินาลัย ได้รับการประกาศชื่อเป็นผู้อำนวยเพลงยอดเยี่ยม Best Conductor ให้กับวงดุริยางค์เครื่องลมนั่งบรรเลงนานาชาติ ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็กในงาน The 22nd International Festival Of Wind Orchestra 2020 และนำวงดุริยางค์เครื่องลมโรงเรียนสุรนารีวิทยาเข้าร่วมการประกวดวงดุริยางค์เครื่องลมนั่งบรรเลงนานาชาติ ครั้งที่ 22 (Flicorno d’Oro International Band Competition 2023) ณ สาธารณรัฐอิตาลี
ปัจจุบันอภิวุฒิ ทำงานทางด้านการศึกษาให้กับกระทรวงศึกษาธิการและยังมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาวงดุริยางค์เครื่องลมระดับนักเรียนให้เทียบเท่ากับประเทศต่างๆ และสอนให้นักเรียนเห็นความงดงามของดนตรี ให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีความหมาย และพัฒนาตนเองได้ โดยใช้วงดุริยางค์เครื่องลมเป็นสื่อการสอน
Music Composition Symphony No. 1. 1st Movement “Sensei” Teachers (2020) 2nd Movement “Mother” (2021) 3rd Movement “All Of My Students” (2022) 4th Movement “Me” (2023)