VST Rack Pro มาพร้อม 33 ปลั๊กอินคุณภาพสูงที่ครอบคลุมจาก Yamaha และ Steinberg ในขณะที่ VST Rack Elements มาพร้อม 6 ปลั๊กอินพื้นฐาน

เพิ่ม VST Rack Pro เข้าไปยังระบบของคุณเพื่อใช้งานเสียงต่างๆ จากปลั๊กอินที่คุณคุ้นเคย ช่วยให้คุณสร้างสรรค์เสียงได้ตามต้องการทุกที่ทุกเวลา

Reverb

  • REVelation

    REVelation จะจำลองอัลกอริทึมเสียงก้องที่มีคุณภาพสูงที่มาพร้อมกับการสะท้อนแบบ Early Reflection และเสียง Reverb Tail

  • REVerence

    REVerence เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถใส่คุณลักษณะของห้อง (รีเวิร์บ) ลงในเสียง

  • Roomworks

    RoomWorks คือ ปลั๊กอินเสียงรีเวิร์บแบบปรับแต่งได้ซึ่งจะใช้สำหรับสร้างเสียงสะท้อนของห้องที่สมจริง รวมทั้งเอฟเฟกต์รีเวิร์บทั้งในรูปแบบสเตอริโอและเซอร์ราวด์ คุณสามารถปรับการใช้ซีพียูให้เหมาะสมกับความต้องการของระบบได้ ปลั๊กอินนี้จะถ่ายทอดเสียงสะท้อนที่มีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นเสียงสะท้อนสั้นๆ หรือเสียงสะท้อนของถ้ำ

  • Roomworks SE

    RoomWorks SE เป็นเวอร์ชั่นที่ย่อขนาดลงมาของปลั๊กอิน RoomWorks โดยทำหน้าที่ถ่ายทอดเสียงสะท้อนที่มีคุณภาพสูง แต่มีพารามิเตอร์เพียงไม่กี่รายการ และมีความต้องการใช้งานซีพียูที่น้อยกว่าเวอร์ชั่นเต็ม

  • REV-X

    REV-X เป็นอัลกอริทึมเสียงก้องที่ให้คุณภาพเสียงที่มีความหนาสูง เสียงก้องกังวาน มีความหน่วงที่ราบรื่น อีกทั้งยังมีการกระจายและความลึกที่สอดคล้องกันเพื่อเพิ่มคุณภาพของเสียงต้นฉบับ โดยคุณสามารถเลือกเสียงก้องได้ 3 แบบดังต่อไปนี้เพื่อให้เหมาะกับซาวด์ฟิลด์และวัตถุประสงค์การใช้งาน REV-X HALL, REV-X ROOM และ REV-X PLATE

Delay

  • โมโนดีเลย์

    คุณสมบัตินี้เป็นเอฟเฟกต์โมโนดีเลย์ ดีเลย์ไลน์ดังกล่าวใช้การตั้งเวลาดีเลย์ตามเท็มโปหรือตามที่ผู้ใช้งานกำหนด

  • PingPongDelay

    คุณสมบัตินี้เป็นเอฟเฟคดีเลย์แบบที่ทำหน้าที่เปลี่ยนการซ้ำของเสียงดีเลย์ไปมาระหว่างช่องสัญญาณด้านซ้ายและขวา ดีเลย์ไลน์ดังกล่าวใช้การตั้งเวลาดีเลย์ตามเท็มโปหรือตามที่ผู้ใช้งานกำหนด

    *คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้กับแทร็คสเตอริโอเท่านั้น

  • StereoDelay

    StereoDelay มีดีเลย์ไลน์ที่แยกอิสระจากกันทั้งหมด 2 ไลน์สำหรับใช้ในการตั้งเวลาดีเลย์ตามเท็มโปหรือตามที่ผู้ใช้งานกำหนด

    *คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้กับแทร็คสเตอริโอเท่านั้น

Modulation

  • Cloner

    Cloner จะเพิ่มเสียงดีจูนและดีเลย์สูงสุดถึง 4 เสียงให้กับสัญญาณสำหรับการปรับช่วงเสียงและเอฟเฟกต์เสียงคอรัสที่เต็มอิ่ม

  • Rotary

    เอฟเฟกต์ที่จำลองเสียงลำโพงโรตารี่

  • StudioChorus

    StudioChorus คือ เอฟเฟกต์เสียงคอรัสสองระดับที่จะช่วยเพิ่มดีเลย์สั้นๆ ให้กับสัญญาณเสียงและปรับพิทช์ของสัญญาณที่ดีเลย์เพื่อสร้างดับบลิ้งเอฟเฟกต์ขึ้น เอฟเฟกต์เสียงคอรัสทั้งสองระดับจะแยกอิสระจากกัน และจะถูกประมวลผลเป็นชุดๆ (แบบต่อเรียง)

Equalizer

  • GEQ-30

    ปลั๊กอินนี้เป็นกราฟฟิกอีควอไลเซอร์ จำนวนแถบความถี่ที่ใช้งานได้อยู่ที่ 30

  • StudioEQ

    Studio EQ คือ สเตอริโออีควอไลเซอร์ 4 แบนด์ที่มีคุณภาพสูง โดยทั้ง 4 แบนด์นั้นจะทำหน้าที่เหมือนเป็นพีคฟิลเตอร์แบบพาราเมตริกเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ แบนด์ต่ำและแบนด์สูงยังทำหน้าที่เหมือนเป็น Shelving Filter (3 แบบ) หรือ Cut Filter (โลพาส/ไฮพาส)

  • Dynamic EQ

    Dynamic EQ คือ อีควอไลเซอร์ที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่การจำลองเสียงจากอีควอไลเซอร์รุ่นใดรุ่นหนึ่ง เนื่องจากฟิลเตอร์ที่ทำหน้าที่คัดกรองความถี่เสียงเดียวกันกับ EQ นั้นจะอยู่ที่ส่วน Side-Chain ดังนั้นค่าเกนของ EQ จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบไดนามิกเมื่อย่านความถี่รวมทั้งสัญญาณอินพุตมีขนาดใหญ่หรือเล็ก คุณสามารถใช้ EQ นี้กับย่านความถี่ที่เฉพาะเจาะจง เช่น คอมเพรสเซอร์หรือเครื่องขยายสัญญาณเสียง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ EQ ดังกล่าวเพื่อทำหน้าที่เป็น De-esser สำหรับเสียงร้อง EQ ดังกล่าวจะมีผลกับย่านความถี่ดังกล่าวเมื่อเสียงที่แหลมสูงและมีย่านความถี่สูงอยู่ที่ระดับเสียงสั่นสะเทือนระคายหูเท่านั้น ทำให้คุณได้เสียงที่เป็นธรรมชาติโดยไม่ทำให้คุณภาพเสียงลดลงไปจากต้นฉบับ อีกทั้งยังมาพร้อม Dynamic EQ แบบฟูลแบนด์ซึ่งรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้ทั้งในโหมดโมโนและสเตอริโอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าช่องสัญญาณของแร็คดังกล่าว

  • [VCM] EQ-1A

    EQ-1A จะจำลองวินเทจอีควอไลเซอร์ซึ่งเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นตัวแทนของอีควอไลเซอร์แบบพาสซีฟ ปลั๊กอินนี้มีรูปแบบการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยการปรับเสียงย่านความถี่ต่ำและเสียงย่านความถี่สูงจากตัวควบคุมสำหรับลดหรือเพิ่มระยะของความถี่ (Cut Control) ที่แยกจากกัน การตอบสนองความถี่ของปลั๊กอินดังกล่าวจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งจะแตกต่างจาก EQ อื่นๆ ที่ใช้กันทั่วไป นอกจากนี้ พื้นผิวของเสียง (Texture) ที่สร้างขึ้นจากวงจรอินพุต/เอาท์พุตและท่อสุญญากาศจะมีความไพเราะและมีความบาลานซ์ที่ดี คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้ทั้งในโหมดโมโนและสเตอริโอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าช่องสัญญาณของแร็คดังกล่าว

  • [VCM] Equalizer 601

    Equalizer 601 จะจำลองคุณลักษณะของอีควอไลเซอร์แบบอนาล็อกในยุค 70 โดยการจำลองเสียงแตกที่เป็นเอกลักษณ์ของวงจรอนาล็อก คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้ทั้งในโหมดโมโนและสเตอริโอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าช่องสัญญาณของแร็คดังกล่าว

Dynamics

  • DeEsser

    DeEsser คือ คอมเพรสเซอร์แบบพิเศษที่จะช่วยลดเสียงแหลมสูง (Sibilance)

  • EnvelopeShaper

    คุณสามารถใช้งาน EnvelopeShaper เพื่อลดหรือเพิ่มค่าเกนของเสียง Attack รวมทั้ง Release Phase ของโสตวัสดุ คุณสามารถใช้ปุ่มควบคุม หรือ ลากจุด Breakpoint บนจอแสดงผลเพื่อปรับเปลี่ยนค่าพารามิเตอร์ได้ ใช้ความระมัดระวังเมื่อเพิ่มค่าเกน รวมถึงเมื่อจำเป็นต้องลดระดับเอาท์พุตเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดจากการบิดเบือน (Clipping)

  • Maximizer

    Maximizer มีไว้เพื่อเพิ่มความดังของโสตวัสดุโดยไม่มีความเสียหายที่เกิดจากการบิดเบือน (Clipping) ปลั๊กอินดังกล่าวประกอบไปด้วย 2 โหมด คือ Classic และ Modern ซึ่งมีอัลกอริทึมและพารามิเตอร์ที่แตกต่างกัน

  • MultibandCompressor

    MultibandCompressor ช่วยให้คุณสามารถแยกสัญญาณออกเป็นแถบความถี่ได้ทั้งหมด 4 แถบ โดยคุณสามารถกำหนดระดับ แบนด์วิดท์ และลักษณะของคอมเพรสเซอร์สำหรับแถบคลื่นความถี่ได้

  • MultibandEnvelopeShaper

    MultibandEnvelopeShaper ช่วยให้คุณสามารถแยกสัญญาณออกเป็นแถบความถี่ได้ทั้งหมด 4 แถบ คุณสามารถลดหรือเพิ่มค่าเกนของเสียง Attack รวมทั้ง Release Phase ของโสตวัสดุสำหรับแถบคลื่นความถี่ได้

  • Tube Compressor

    คอมเพรสเซอร์ที่มาพร้อมการจำลองท่อนี้จำช่วยให้คุณสร้างเสียงเอฟเฟกต์คอมเพรสเซอร์ที่นุ่มนวลและอบอุ่น มิเตอร์ VU จะแสดงปริมาณการลดค่าเกน Tube Compressor ส่วนหนึ่งของวงจรที่เรียกว่า Internal Side-Chainที่จะช่วยให้คุณสามารถกรองสัญญาณทริกเกอร์ได้

  • VintageCompressor

    VintageCompressor เป็นคอมเพรสเซอร์แบบวินเทจ โดยคอมเพรสเซอร์นี้จะมีส่วนควบคุมที่แยกต่างหากสำหรับเกนอินพุตและเอาท์พุต เสียง Attack รวมทั้ง Release นอกจากนี้ยังมีโหมด Punch ซึ่งจะรักษา Attack Phase ของสัญญาณไว้ รวมทั้งฟังก์ชั่น Auto Release

  • [VCM] Buss Comp 369

    Buss Comp 369 จะจำลองบัสคอมเพรสเซอร์รุ่นมาตรฐานที่ใช้ในสตูดิโอบันทึกเสียงและสถานีวิทยุกระจายเสียงต่างๆ ตั้งแต่ยุค 80 Buss Comp 369 ให้เสียงบีบอัดที่นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติซึ่งจะแตกต่างจาก Compressor 276 ซึ่งเป็นในเลิศในเรื่องของการสร้างเสียงบีบอัดที่ดุดัน โดยมีทั้งคอมเพรสเซอร์และลิมิตเตอร์ซึ่งผู้ใช้งานสามารถใช้ร่วมกันหรือแยกจากกันขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีตัวแปลงอินพุตและเอาต์พุต และวงจร Class-A แบบไม่ต่อเนื่องที่จะเพิ่มความหนาและความกลมกลืนให้กับเสียง คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้ทั้งในโหมดโมโนและสเตอริโอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าช่องสัญญาณของแร็คดังกล่าว

  • [VCM] Compressor 260

    Compressor 260 คือ ปลั๊กอินที่ทำหน้าที่จำลองลักษณะของคอมเพรสเซอร์และลิมิตเตอร์ที่นิยมใช้กันในยุค 70 คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้ทั้งในโหมดโมโนและสเตอริโอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าช่องสัญญาณของแร็คดังกล่าว

  • [VCM] Compressor 276

    Compressor 276 คือปลั๊กอินที่จำลองลักษณะของอนาล็อกคอมเพรสเซอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการบันทึกเสียงในสตูดิโอ คุณจะได้เสียงที่หนาและแข็งแรงซึ่งเหมาะสำหรับพาร์ทกลองและเบส

    คุณสามารถใช้งานปลั๊กอินนี้ทั้งในโหมดโมโนและสเตอริโอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดค่าช่องสัญญาณของแร็คดังกล่าว

Distortion

  • AmpSimulator

    AmpSimulator คือ เอฟเฟกต์เสียงแตกที่จำลองเสียงตู้แอมป์กีตาร์และลำโพงรูปแบบต่างๆ คุณสามารถเลือกแอมป์และตู้ลำโพงรุ่นต่างๆ ได้

  • Quadrafuzz v2

    Quadrafuzz v2 คือ ปลั๊กอินเสียงแตกแบบมัลติแบนด์และปลั๊กอินแบบมัลติเอฟเฟกต์สำหรับประมวลผลเสียงกลองและลูปแต่ยังคงรักษาเสียงร้องไว้ เป็นต้น คุณสามารถสร้างเสียงแตกได้สูงสุดถึง 4 แบนด์ คุณสามารถเลือกใช้งานโหมดเสียงแตกได้ทั้งหมด 5 โหมดซึ่งประกอบไปด้วยโหมดย่อยต่างๆ

  • SoftClipper

    SoftClipper จะช่วยเพิ่มโอเวอร์ไดรฟ์แบบซอฟต์ พร้อมส่วนควบคุมที่แยกต่างหากสำหรับฮาร์โมนิคที่สองและสาม

  • VST Amp Rack

    VST Amp Rack คือปลั๊กอินจำลองเสียงตู้แอมป์กีตาร์ที่ทรงพลัง ช่วยให้คุณสามารถใช้งานเสียงตู้แอมป์และลำโพงต่างๆ ร่วมกับเอฟเฟกต์แบบก้อน (Stomp Box) ได้

Other Tools

  • SuperVision

    SuperVision คือ ชุดเครื่องมือสำหรับตรวจสอบติดตามและวิเคราะห์สัญญาณเสียงของคุณ ปลั๊กอินดังกล่าวประกอบด้วยโมดูลต่างๆ ที่ใช้สำหรับการวิเคราะห์ระดับ ค่าสเปกตรัม เฟส หรือรูปแบบของคลื่นสัญญาณ โดยประกอบด้วยช่องเสียบโมดูลถึง 9 ช่อง ช่วยให้คุณสามารถสร้างเลย์เอาท์ได้ตามต้องการ

    SuperVision มีโหมดการประมวลผลทั้งหมด 2 โหมดดังนี้ [Maximum Audio Performance] และ [Sample-Accurate Display] คุณสามารถเลือกโหมดที่ต้องการเพื่อใช้งานแต่ละโมดูลแยกจากกัน

  • Test Generator

    ปลั๊กอินนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างสัญญาณเสียงขึ้นมา

  • [VCM] Vintage Open Deck

    Vintage Open Deck จะจำลองวงจรแบบอนาล็อกและลักษณะของเทปจากเครื่องบันทึกเทปแบบ Open Reel

    ปลั๊กอินนี้ประกอบด้วยเครื่องบันทึกและเครื่องทำซ้ำซึ่งมีปลั๊กอินให้เลือกใช้งาน 4 แบบ

to page top

Select Your Location