DME7 หน่วยประมวลผลสัญญาณ
ฟีเจอร์ต่างๆ ของ DME7
อินเทอร์เฟสการใช้งานและขั้วต่อต่างๆ
1. ไฟแสดงสถานะ [A]/[B] สำหรับแจ็ค AC IN
2. ปุ่ม [Fn]
3. จอแสดงผล
4. ปุ่ม [MENU/HOME]
5. ปุ่ม Back
6. ปุ่มหมุนหลัก
7. ช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ SD
1. สวิตช์เปิด/ปิด
2. แจ็ค AC IN (ช่องเสียบสายไฟฟ้า) [A]/[B]
3. ช่องต่อ [GPI]
4. ช่องต่อ [USB TO HOST]
5. ช่องต่อ [USB TO DEVICE]
6. ช่องต่อเครือช่าย
7. ช่องต่อ [MIDI]
8. ช่องต่อ [DCP]
9. ช่องต่อ Dante [PRIMARY]/[SECONDARY]
การควบคุมที่ยืดหยุ่น
นอกจากอุปกรณ์ลอจิก AND/OR พื้นฐานแล้ว DME7 จะติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์ควบคุมต่างๆ อาทิ คอมแพร์และดีเลย์ เป็นต้น เมื่อใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ เหล่านี้ร่วมกับเฟดเดอร์และปุ่มต่างๆ คุณก็จะสามารถควบคุมอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ยืดหยุ่นและซับซ้อนได้ นอกจากนี้ DME7 ยังให้การควบคุมที่ยืดหยุ่นและครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย โดยคุณสามารถควบคุมผ่านทางฟังก์ชัน ProVisionaire Control และผลิตภัณฑ์นี้รองรับโปรโตคอลการควบคุมต่างๆ เช่น DCP (Digital Control Panel), GPI, MIDI และ OSC เป็นต้น
อินเทอร์เฟสเสียง USB
ช่องต่อ USB to Host แบบ Type-C ที่ด้านหลังของผลิตภัณฑ์ทำหน้าที่เป็นอินเทอร์เฟสเสียง 8 ช่องซึ่งรองรับ 96-kHz คุณสามารถใช้ช่องต่อนี้เป็นช่องอินพุตเสียงเพื่อตรวจสอบระบบเครื่องเสียงของคุณผ่านทางเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ หรือใช้เพื่อทดสอบการตั้งค่าค่าภายในระบบได้
ช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ SD
ช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำ SD ที่แผงควบคุมด้านหน้าช่วยให้คุณสามารถโอนถ่ายไฟล์โปรเจ็คต่างๆ รวมทั้งบันทึกและส่งออกล็อคไฟล์ของอุปกรณ์ อีกทั้งคุณยังสามารถเล่นไฟล์ MP3 และ WAV ซึ่งบันทึกอยู่ในการ์ด และใช้ไฟล์ดังกล่าวเพื่อเล่นคำประกาศหรือเสียงต่างๆ ที่บันทึกไว้ล่วงหน้า
หน้าจอแสดงข้อมูล LCD
จอแสดงผล LCD ที่แผงควบคุมด้านหน้าทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ บันทึกความผิดพลาดและรายละเอียดข้อมูลอื่นๆ รวมทั้งลิงค์คิวอาร์โค้ดไปยังคู่มือจะปรากฏบนหน้าจอแสดงข้อมูล ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้
ฟังก์ชั่น Super Quiet - NC 20
การออกแบบให้สัญญาณรบกวนต่ำช่วยลดการรบกวนในขณะใช้งาน
โดยคุณสามารถวางผลิตภัณฑ์นี้ไว้ในกลุ่มผู้ชม รวมทั้งห้องเก็บเครื่องมืออุปกรณ์ได้
ฟีเจอร์ต่างๆ ของ ProVisionaire Design
ซอฟต์แวร์การออกแบบสำหรับอุปกรณ์เครื่องเสียง Yamaha
ProVisionaire Design แอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถออกแบบระบบเสียงที่รองรับการใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Yamaha ได้อย่างครอบคลุมและง่ายดาย โดยแอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์นี้รองรับการใช้งานผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Yamaha รวมถึง DME7/MRX7-D*/อุปกรณ์ประมวลผล MTX, แอมปลิฟลายเออร์ XMV/PC‐D, อินเตอร์เฟส Rio/Tio, ลำโพง VXL-P, ADECIA ฯลฯ
ProVisionaire Design นี้จะช่วยให้การออกแบบและการตั้งค่าระบบเสียงง่ายยิ่งขึ้นด้วยโครงสร้างอุปกรณ์ การเดินสายสัญญาณ และการแก้ไขพารามิเตอร์ต่างๆ ในอุปกรณ์ประมวลผลโครงสร้างเปิด เช่น DME7 และ MRX7-D ฯลฯ ที่มีความยืดหยุ่น นอกจากนี้ยังทำให้มองเห็นการเชื่อมต่อเครือข่ายโดยรวมของอุปกรณ์และสายสัญญาณในอุปกรณ์ประมวลผลโครงสร้างแบบตายตัวซีรีส์ MTX ได้อีกด้วย โดยรองรับการใช้งานอุปกรณ์เครื่องเสียงคุณภาพสูงแถวหน้าของอุตสาหกรรมการจำลองเสียงมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็น REV-X สำหรับเสียงก้อง และ Dugan Auto Mixer สำหรับมิกเซอร์อัตโนมัติที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ยังรองรับอุปกรณ์ลอจิกต่างๆ ที่ใช้สำหรับกำหนดโครงสร้างการควบคุมแบบเป็นลำดับ ผู้ใช้งานสามารถใช้ ProVisionaire Design ร่วมกับแอปพลิเคชันของคอมพิวเตอร์ ProVisionaire Control เพื่อการควบคุมโปรเจ็กต์ต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การออกแบบและตั้งค่าระบบไปจนถึงการทำงานและการจัดการประจำวัน สามารถลากและวางวิดเจ็ต Editor ลงใน ProVisionaire Control ได้ เพื่อให้สามารถกำหนดพารามิเตอร์ต่างๆ ไปยังแอปพลิเคชันของ ProVisionaire Control KIOSK และ ProVisionaire Touch KIOSK ได้ง่าย
*การรองรับ MRX7-D มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2023
การออกแบบระบบที่ยืดหยุ่น
ค่าที่ปรับตั้งไว้ล่วงหน้าที่มีความยืดหยุ่น
ค่าที่ปรับตั้งไว้ล่วงหน้าที่มีความยืดหยุ่น
ผู้ใช้งานสามารถกำหนดค่าที่ปรับตั้งไว้ล่วงหน้าสำหรับอุปกรณ์ที่เชื่อมโยง/จัดกลุ่มซึ่งนอกเหนือจากอุปกรณ์แต่ละรายการ เพื่อให้การกำหนดค่าที่ปรับตั้งไว้ล่วงหน้าสำหรับการใช้งานต่างๆ มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น
ฟังก์ชั่น Device Grouping จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตั้งค่าและการใช้งาน
ฟังก์ชั่น Device Grouping จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตั้งค่าและการใช้งาน
โดยคุณสามารถจัดอุปกรณ์เป็นกลุ่มต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถควบคุมอุปกรณ์แต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานสามารถกำหนดการเรียกใช้งานค่าที่ปรับตั้งไว้ล่วงหน้า ปิดเสียงทั้งหมด การซิงโครไนซ์ ฯลฯ ให้กับกลุ่มอุปกรณ์เพื่อให้สามารถใช้งานและบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปรับแต่งเสียงอย่างละเอียดและขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
การปรับแต่งเสียงอย่างละเอียดและขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
ProVisionaire Design เป็นเครื่องมือที่ทรงประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับวิศวกรควบคุมเครื่องเสียงและผู้รับเหมางานรวมระบบ ไม่เพียงแต่ช่วยให้สามารถควบคุมพารามิเตอร์ของแอมปลิฟลายเออร์และลำโพงได้อย่างละเอียดเท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมโยง/จัดกลุ่มแชนแนลแอมปลิฟลายเออร์แต่ละตัวได้ตามต้องการ รวมถึงสามารถเชื่อมโยง EQ ที่เกี่ยวข้อง ดีเลย์ และพารามิเตอร์อื่นๆ ได้เช่นกัน ทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยให้คุณสามารถออกแบบและตั้งค่าระบบที่ปรับแต่งอย่างละเอียดแล้วได้อย่างราบรื่น
การตั้งค่าสัญญาณเสียง/ระบบควบคุมที่มีความยืดหยุ่น
การตั้งค่าสัญญาณเสียง
ProVisionaire Design รองรับการออกแบบระบบเครื่องเสียงและการแสดงสดที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับอุปกรณ์เครื่องเสียงจำนวนมาก โดยจะช่วยให้สามารถจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้งานกับ DME7 หรือ MRX7-D ได้อย่างยืดหยุ่นและอิสระ และปรับตั้งค่าพารามิเตอร์ภายในระบบได้สะดวกและง่ายดาย เพื่อให้เสียงที่มีคุณภาพตามต้องการ อุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่าง Combiner, Delay, Dynamics, Effect, EQ, Filter, Meter, Matrix Mixer, Router, Source Selector และ Speaker Processor ไปจนถึงฟังก์ชั่นที่สูงขึ้น อย่าง Comp260, DCA, Dugan Automixer, REV-X ฯลฯ
Dugan Automixer
Delay Matrix
Enhanced Automatic Adjustment for Meeting and Conference Rooms(Version3)
AEC
Ducker
EQ
Rev-X
Comp260
DCA
การตั้งค่าระบบควบคุม
เมื่อใช้งานอุปกรณ์ควบคุม คุณสามารถเรียกใช้งานพารามิเตอร์ต่างๆ ได้ตามหลักลอจิกที่เรียบง่าย เช่น AND, OR, COMPARE ฯลฯ โดยสามารถใช้หลักลอจิกเหล่านี้เพื่อระบุความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของอุปกรณ์ควบคุมและอุปกรณ์เครื่องเสียงที่อยู่ในระบบไฟฟ้า ฟังก์ชั่นลอจิกนี้จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบระบบควบคุมที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการควบคุม GPI แบบเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งาน
ปุ่ม
เฟดเดอร์
ลอจิก
Compare
Max/Min
Delay
เราเตอร์
GPI In
GPI Out
การเตรียมตัว
Offline Simulation
Offline Simulation
- ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและทดสอบการเดินสัญญาณเสียงสำหรับการตั้งค่าระบบควบคุมลอจิกที่สร้างขึ้นในแบบออฟไลน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ใดๆ
Probe Monitoring
Probe Monitoring
- ผู้ใช้งานสามารถกำหนดจุดตรวจสอบโพรบได้ 2 จุด
- ผู้ใช้งานสามารถกำหนดสัญญาณจากจุดตรวจสอบโพรบทั้ง 2 จุดให้ช่องสัญญาณเอาท์พุตต่างๆ และตรวจสอบแยกจากกันได้
- การใช้งานขั้นสูงโดยใช้งานจุดตรวจสอบโพรบทั้งสองจุดเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างสัญญาณอินพุตของอุปกรณ์ประมวลผลกับสัญญาณตรงของไมโครโฟน
การซิงโครไนซ์
การซิงโครไนซ์
- หลังจากดำเนินการตรวจสอบแบบออฟไลน์โดยใช้ฟังก์ชั่น Offline Simulation และ Probe Monitoring ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่โหลดข้อมูลเข้าไปในอุปกรณ์ดังกล่าว ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการตั้งค่าได้มาก
- คุณสามารถใช้งานระบบทั้งหมดผ่านทางออนไลน์ หรือใช้งานและทดสอบอุปกรณ์แต่ละรายการผ่านทางออนไลน์ได้