ซีรีส์ RIVAGE PM
เสียง
ออกแบบและปรับปรุงเพื่อความสมบูรณ์แบบทางเสียง
จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสำหรับวิศวกรรมด้านเสียงที่สร้างสรรค์คือ เสียงที่ใส ไม่มีเสียงรบกวน เครื่องผสมสัญญาณเสียงของ Yamaha ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นตามหลักปรัชญานี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้วิศวกรเสียงสามารถจับเสียงบนเวทีได้อย่างแม่นยำโดยไม่มีเสียงรบกวน แล้วเพิ่มโสตสัมผัสที่สร้างสรรค์ได้ตามต้องการ ความสำเร็จในการยึดมั่นต่อแนวคิดนี้อย่างแน่วแน่ของ Yamaha แสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนในซีรีส์ RIVAGE PM
พื้นฐานความสำเร็จนี้คือ Hybrid Microphone Preamp แบบใช้อินพุตอนาล็อกประสิทธิภาพสูงที่นำแนวคิด “เสียงธรรมชาติ” ของ Yamaha ไปสู่ความสำเร็จในระดับสูง และส่วนระบบดิจิตอลที่ใช้รูปแบบเทคโนโลยี VCM ของหม้อแปลง Rupert Neve Designs และวงจรประมวลผล SILK ที่สามารถถ่ายทอดเสียงดนตรีและบรรยากาศได้อย่างโดดเด่น อีกทั้งยังเพิ่มการปรับแต่งล่าสุดในช่อง EQ และไดนามิกต่างๆ แล้วคุณจะได้แนวความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ธรรมดา
ปลั๊กอินแบบติดตั้งในตัวที่รองรับวิศวกรรมด้านเสียงที่สร้างสรรค์ได้พัฒนาขึ้นอย่างมากผ่านพันธมิตรและผู้ผลิตรายอื่นซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละธุรกิจของตน การร่วมงานกับ RND (Rupert Neve Designs) และการใช้เทคโนโลยี VCM ของ Yamaha ได้สรรค์สร้างอีควอไลเซอร์และคอมเพรสเซอร์ที่มีคุณค่ามากในยุค 70 และ 80 นอกจากนี้ยังมี Harmonizer รุ่น Eventide ที่สมบูรณ์แบบและเอฟเฟกต์เสียงก้องที่รังสรรค์ขึ้นได้ด้วยความร่วมมือกับผู้ผลิตรุ่นเดิมเท่านั้น
โดยทั้งหมดนี้จะติดตั้งอยู่ในซีรีส์ RIVAGE PM เพื่อให้วิศวกรเสียงมีเครื่องมือที่จำเป็นในการถ่ายทอดเสียงดนตรีที่มีคุณภาพดีที่สุด
I/O มี 2 ประเภท
วงจรอินพุตและการประมวลผลมีความสำคัญสำหรับการถ่ายทอดคุณภาพเสียงระดับสูง และเอาต์พุตสุดท้ายของวงจรสัญญาณก็มีบทบาทสำคัญมากในการรักษาคุณภาพเสียงเช่นกัน Yamaha เสนอชุดแร็ค I/O ประสิทธิภาพสูง 2 แบบให้กับอินพุทและเอาท์พุทของระบบ RIVAGE PM ซึ่งมอบความสามารถในการใช้งานร่วมกันกับเครือข่ายเครื่องเสียงต่างๆ
หนึ่งในเครือข่ายดังกล่าวคือ TWINLANe ที่สามารถรับช่องสัญญาณเสียงได้มากถึง 400 ช่องผ่านสายออฟติคัล ซึ่งแร็ค I/O RPio622 และ RPio222 เป็นอุปกรณ์ในเครือข่าย TWINLANe เช่นเดียวกับการ์ดอินเตอร์เฟสเสียง HY256-TL และ HY256-TL-SMF โดยแร็ค I/O RPio622 และ RPio222 จะมี Hybrid Microphone Preamp แบบใช้อินพุตอนาล็อกประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีส่วนระบบดิจิตอลขั้นสูงที่จำลองการทำงานของหม้อแปลง Rupert Neve Designs และวงจรประมวลผล SILK ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
สามารถใช้ได้กับเครือข่าย Audante Dante ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นมาตรฐานของเครื่องนี้และผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงระดับมืออาชีพอื่นๆ อีกมากมายของ Yamaha โดยแร็ค I/O Rio3224-D2 และ Rio1608-D2 และการ์ดอินเตอร์เฟสเสียง HY144-D สามารถใช้งานกับ Dante ได้ทันที และสามารถนำมาใช้ร่วมกันกับระบบซีรีส์ RIVAGE PM เพื่อถ่ายทอดเสียงที่เป็นธรรมชาติ โซลูชั่นเครือข่ายทั้งสองมีความสามารถในการจับเสียงบนเวทีโดยไม่มีเสียงรบกวนและมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย จึงช่วยให้วิศวกรใช้ความสามารถเชิงสร้างสรรค์ของซีรีส์ RIVAGE PM เพื่อถ่ายทอดเสียงไปถึงผู้ชมด้วยผลลัพธ์สูงสุด
ช่องสัญญาณ EQ และการบีบอัดสัญญาณสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
ช่องสัญญาณ EQ และไดนามิกต่างๆ ของ RQAGE PM ได้รับการพัฒนาและปรับแต่งให้เหมาะกับนวัตกรรมในส่วนอินพุตที่ทันสมัย ช่องสัญญาณอินพุตจะมีพารามิเตอร์ EQ แบบ 4 แบนด์ ในขณะที่ช่องสัญญาณเอาต์พุตจะติดตั้ง พารามิเตอร์ EQ แบบ 8 แบนด์ พร้อมด้วยอัลกอริทึม 4 ประเภทที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ อัลกอริทึม “Precise” ช่วยให้สามารถกำหนดเป้าหมายและควบคุมจุด EQ ที่เฉพาะเจาะจงได้ง่าย อัลกอริทึม“Aggressive” ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองต่อดนตรีส่วนใหญ่ และอัลกอริทึม “Smooth” จะให้การควบคุมที่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีอัลกอริทึม “Legacy” ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและตอบสนองต่ออีควอไลเซอร์ที่มีในเครื่องผสมสัญญาณเสียงระบบดิจิตอลของ Yamaha เช่น PM1D และ PM5D อัลกอริทึม “Precise” จะรวมถึงค่าพารามิเตอร์ Q สำหรับฟิลเตอร์ Low Shelf และ High Shelf ที่ช่วยให้สามารถควบคุมฟิลเตอร์ได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อเพิ่มเสียงดนตรีกระแทก อีกทั้งยังมีไดนามิก 2 จังหวะ ซึ่งแต่ละจังหวะจะทำหน้าที่เป็นแบบเกท และมีคอมเพรสเซอร์ 2 ประเภท แบบ Ducker หรือแบบ De-esser ให้เลือกตามความต้องการ โดยคอมเพรสเซอร์ทั้งสองประเภทจะเป็นแบบ "Legacy Comp" ซึ่งจะสืบทอดลักษณะของคอมเพรสเซอร์มาตรฐานในเครื่องผสมสัญญาณเสียงระบบดิจิตอลของ Yamaha และแบบ "Comp260" ซึ่งเป็นรุ่น VCM ที่สวยงามของ Comp/Limiter แบบอนาล็อกยอดนิยมในช่วงกลางของยุค 70 โดยรุ่นหลังๆ จะมีการจำลองลักษณะที่แม่นยำของวงจร VCA และเครื่องตรวจจับระดับ RMS ที่ใช้ในอุปกรณ์แบบดั้งเดิม โดยมีเอฟเฟกต์ของแต่ละค่าพารามิเตอร์ที่ได้ปรับค่าอย่างละเอียดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการใช้งานด้านสัญญาณเสียงสด และยังมีรายการเอฟเฟกต์ที่ใช้การตั้งค่าคงที่แบบเดิมของ Comp/Limiter แบบคลาสสิกให้เลือกเพื่อความสะดวกหากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องใช้เสียงต้นฉบับ
การเลือกปลั๊กอินแบบพิเศษ
คุณภาพการประมวลผลถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของเครื่องผสมสัญญาณเสียงระบบดิจิตอลของ Yamaha โดยซีรีส์ RIVAGE PM จะใช้ปลั๊กอินที่ใช้งานได้อย่างครอบคลุมซึ่งจะครอบคลุมถึงรุ่นคลาสสิกแบบสั่งทำพิเศษต่างๆ ด้วย โดยซีรี่ส์ RIVAGE PM จะมีปลั๊กอินมากกว่า 50 รายการ และพลังการประมวลผลที่ช่วยให้ใช้ปลั๊กอินที่ซับซ้อนได้มากถึง 256* รายการ เช่น Portico 5033 หรือ Portico 5043 พร้อมกัน นอกจากนี้ยังมี Eventide H3000 Ultra-Harmonizer และเอฟเฟกต์เสียงก้อง SP2016 แบบใหม่ที่มีให้เลือกใช้หลากหลายรายการ มีฟังก์ชั่นผสมสัญญาณเสียงไมโครโฟนอัตโนมัติของ Dan Dugan และอื่นๆ อีกมากมาย และการร่วมมือจากบุคคลภายนอกที่โดดเด่นเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ปลั๊กอินของ Yamaha และยังช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นเป็นพิเศษและมีพลังการประมวลผลที่ช่วยให้วิศวกรเสียงมีอิสระในการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ
*มี DSP-RX-EX
Reverb ของ Bricasti
Bricasti Design เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ Reverb ดิจิตอลด้วยช่างฝีมือชั้นนำระดับโลก
Y7 ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับใช้งานในระบบดิจิตอลมิกเซอร์ RIVAGE PM ของ Yamaha เพื่อใช้ในงานแสดงสด ผลิตภัณฑ์ของ Bricasti ซึ่งติดตั้งรวมอยู่ในคอนโซลเพื่อการใช้งานที่ง่าย รวดเร็ว และผู้ใช้งานมีความคุ้นเคย และเพื่อให้ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Yamaha ได้สัมผัสประสบการณ์ของ “Bricasti Sound” ที่มีชื่อเสียง
ปลั๊กอิน RND
แม้ว่าการจำลองการประมวลผล SILK ที่สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือกับ RND จะถือเป็นส่วนสำคัญของระบบ RIVAGE PM แต่ก็ไม่ถือเป็นเพียงความสำเร็จเดียวจากความร่วมมือในครั้งนั้น นอกจากคอมเพรสเซอร์ Portico 5033 EQ และ 5043 ซึ่งเป็นที่รู้จักดีและได้รับการยกย่องเป็นอย่างดีแล้ว ระบบ RIVAGE PM ยังมี Portico 5045 ของ Rupert Neve Designs ที่ใช้งานง่ายนี้จะลดเสียงแบคกราวด์ในอินพุตไมโครโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มความคมชัดและยังเพิ่มค่าต่างของฟีดแบคได้อย่างมาก จึงถือเป็นเครื่องมือที่จำเป็นมากสำหรับการถ่ายทอดเสียงสดภายในบ้าน ที่ทำงาน สเตเดี่ยม ห้องโถง หรือสถานที่อื่นๆ ที่มีปัญหาเรื่องฟีดแบค
เมื่อเสริมด้วยเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 5.0 Portico II Master Buss Processor ก็จะกลายเป็นเครื่องมือที่สร้างสรรค์ที่จะช่วยกำหนดขอบเขตและข้อจำกัดของการบีบอัดและการจำกัดช่องสัญญาณเดิมทั้งสองช่องให้ใหม่ ตั้งแต่การมิกซ์ดนตรีแนว EDM ที่เน้นเสียงเบสหนักๆ ไปจนถึงการควบคุมวงแชมเบอร์ที่ละเอียดอ่อน ก็สามารถสร้างผลงานอันโดดเด่นให้กับทุกคนได้โดยไม่คำนึงถึงการใช้งานหรือประเภทดนตรี
เครื่องผสมสัญญาณเสียงอัตโนมัติ Dan Dugan
ด้วยการทำงานร่วมกันในเชิงลึกกับ Dan Dugan Sound Design จึงได้ติดตั้งระบบผสมสัญญาณเสียงไมโครโฟนอัตโนมัติของ Dan Dugan ที่ใช้อัลกอริทึมขั้นสูงไว้ในระบบเครื่องผสมสัญญาณเสียงดิจิตอลซีรีส์ RIVAGE PM ซึ่งติดตั้งง่าย เพียงใส่หน่วยประมวลผลลงในช่องสูงสุด 64 ช่อง เพื่อกระจายสัญญาณไมโครโฟนที่ถูกปรับแต่งโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถควบคุมระบบเกน (Gain) ได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติราวกับว่าผู้ใช้มีประสบการณ์สูง ระบบยังช่วยลดฟีดแบคและปัญหาเกี่ยวกับเอฟเฟกต์ Comb Filter ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการพูดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีสคริปต์ ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มีสมาธิอยู่กับรายละเอียดอื่นๆ นอกเหนือจากการควบคุมเฟดเดอร์ให้มีคุณภาพสูงอยู่ตลอดเวลา
เอฟเฟกต์ Eventide
Eventide ถือเป็นตำนานในเรื่องของเสียงเอฟเฟกต์ อีกทั้งยังมีการเพิ่ม H3000 Ultra-Harmonizer ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างดีและปลั๊กอิน SP2016 Reverb แบบใหม่ให้กับรุ่น 4.0 ของซีรีส์ RIVAGE PM นอกเหนือจากค่าพารามิเตอร์แบบครบวงจรที่สามารถแก้ไขได้เพื่อปรับแต่งเอฟเฟกต์ต่างๆ ตามต้องการได้อย่างแม่นยำแล้ว SP2016 ยังมีค่าต่างๆ ให้เลือกหลายรายการซึ่งทำให้สามารถเรียกใช้เสียงเอฟเฟกต์ที่ต้องการได้ง่ายและรวดเร็ว
ระบบลดเสียงรบกวน DaNSe ของ Yamaha
ซีรีส์ RIVAGE PM จะใช้ปลั๊กอินเดิมของ Yamaha ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึง DaNSe Noise Suppressor ด้วย โดยปลั๊กอิน “DaNSe” นี้จะวิเคราะห์ลักษณะความถี่ของเสียงรบกวนและจะใช้ฟังก์ชั่นการเรียนรู้เพื่อลดเสียงรบกวนอย่างประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติโดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องตั้งค่าหรือตั้งโปรแกรมที่ซับซ้อนใดๆ การลดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพจะเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับการแสดงและละครเพลงต่างๆ เนื่องจากช่วยเพิ่มความชัดเจนของเสียง ซึ่ง DaNSe สามารถลดเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงพัดลมระบายความร้อนของระบบไฟเคลื่อนที่บนเวทีได้ และสามารถลดปัญหาเสียงรั่วของไมโครโฟนที่ใช้งานบนเวที และลดเสียงรบกวนจากฝูงชนในระหว่างการประกาศและการแข่งขันกีฬา อีกทั้งยังถือเป็นเครื่องมือในการลดเสียงรบกวนที่มีประสิทธิภาพและใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
การทำงาน
ปรับปรุงเพื่อความมั่นใจและความสะดวกสบาย
Yamaha ได้มุ่งเน้นถึงความสามารถในการใช้งานของเครื่องผสมสัญญาณเสียงสดแบบดิจิตอล โดยไม่ลดความพยายามในการสร้างอินเตอร์เฟสเพื่อให้วิศวกรเสียงที่ใช้เครื่องแบบอนาล็อกสามารถใช้งานเครื่องแบบดิจิตอลได้อย่างง่ายดายและสะดวก ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาให้เทคโนโลยีและฟังก์ชั่นของระบบดิจิตอลมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยระบบ RIVAGE PM ได้นำแนวคิดนี้ไปสู่ความสำเร็จอีกระดับหนึ่ง โดยได้เพิ่มอินเตอร์เฟสที่คุ้นเคยและเป็นที่นิยมสูงเพื่อประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้นและความสะดวกในการถ่ายทอดเสียงที่ดีที่สุด
HDMI อินเตอร์เฟส
องค์ประกอบสำคัญของอินเตอร์เฟส RIVAGE PM คือ แนวคิดการเลือกใช้ช่องสัญญาณของ Yamaha ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมให้การเข้าถึงพารามิเตอร์ของช่องสัญญาณที่เลือกโดยตรงด้วยปุ่ม SEL และในส่วนของช่องสัญญาณที่เลือกจะสามารถเข้าถึงพารามิเตอร์ของช่องทั้งหมดโดยตรงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีตัวเข้ารหัส (Encoder) ปุ่มต่างๆ และไฟแสดงสถานะโดยมีการจัดวางตำแหน่งอย่างครอบคลุมเพื่อช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่บนแผงควบคุมได้สูงสุดเพื่อความสะดวกในการใช้งานในสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์ต่างๆ โดยชุดแผงควบคุมซีรีส์ RIVAGE PM จะมีแผงเฟดเดอร์ 3 แผง แผงละ 12 เฟดเดอร์ เพื่อกำหนดช่องสัญญาณได้ตามต้องการ เฟดเดอร์บางส่วนหรือทั้งหมดจะทำงานร่วมกับหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ที่แผงด้านบน จึงช่วยให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานแบบ Centralogic ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องแต่ละรุ่น และแถบช่องสัญญาณจะขยายออกตามแนวตั้งไปจนถึงแผงหน้าจอระบบสัมผัสโดยไม่มีรอยต่อเพื่อให้ควบคุมได้ง่ายและสอดคล้องกัน นอกเหนือจากการใช้งานแถบช่องสัญญาณแบบ 12 ช่องอย่างสะดวกแล้ว การกำหนดค่านี้ยังช่วยให้สามารถใช้งานเครื่องพร้อมกันได้ 2 คน โดยใช้ชุดแผงควบคุมคนละแผง
อัพเดทการดำเนินการส่ง (RIVAGE PM5/3)
การตั้งค่าการส่งถือเป็นส่วนสำคัญของขั้นตอนการผสมสัญญาณเสียงสด นอกเหนือจากฟังก์ชั่น Sends on Fader ที่คุ้นเคยแล้ว ยังสามารถควบคุมระดับการส่งได้ด้วยปุ่ม Send/User Defined โดยระดับการส่งที่แสดงบนขึ้นจอแสดงผลจะสามารถปรับค่าได้ด้วยระบบควบคุมแบบสัมผัส และทางเลือกสำหรับการควบคุมที่หลากหลายนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความคล่องตัวในการตั้งค่าและส่ง
การจัดวางตำแหน่งที่ใช้งานง่ายและแนวระดับสายตาที่ช่วยให้มองเห็นชัดเจนมากขึ้น
เครื่องผสมสัญญาณเสียงซีรีส์ RIVAGE PM ได้รับการออกแบบมาพร้อมแผงหน้าจอระบบสัมผัสและส่วนการเลือกช่องสัญญาณจะอยู่ที่แผงด้านบนที่ยกตั้งขึ้นอย่างเด่นชัด ซึ่งช่วยให้สามารถมองเห็นได้ดีที่สุดจากตำแหน่งของวิศวกรเสียง รวมถึงสามารถเข้าถึงระบบควบคุมทั้งหมดได้ง่าย และเครื่องผสมสัญญาณเสียงที่ได้รับการพัฒนาใหม่นี้ยังช่วยให้ผู้ใช้ใกล้ชิดกับนักแสดงบนเวทีมากยิ่งขึ้นด้วยแนวระดับสายตาที่ช่วยให้มองเห็นชัดเจนมากขึ้น จึงทำให้วิศวกรมีมุมมองที่กว้างและครอบคลุมมากขึ้น
หน้าจอตรวจสอบที่เหมาะสมกับทุกการทำงาน (RIVAGE PM10/7)
ความยืดหยุ่นในการตรวจสอบถือเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับเครื่องผสมสัญญาณเสียงสดที่ต้องปรับตามการใช้งานที่หลากหลาย โดยเครื่องรุ่น RIVAGE PM10 และ PM7 นี้จะมีเอาต์พุตสำหรับมอนิเตอร์/คิว 2 ชุด พร้อมรองรับการเชื่อมต่อจอแสดงผลที่สามารถบันทึกและเลือกได้ตามต้องการถึง 8 ชุด นอกเหนือจากการควบคุมระดับเอาต์พุตแบบอิสระแล้ว ยังมีระดับความหน่วงเฉพาะและอีควอไลเซอร์พาราเมทริกแบบ 8 แบนด์ให้โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานจอแสดงผล อีกทั้งยังสามารถใส่ปลั๊กอินได้ทันทีก่อนระยะ EQ คุณสมบัติทั้งหมดเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นที่จำเป็นในการตั้งค่าจอแสดงให้เหมาะสมสำหรับทุกสถานการณ์
เฟดเดอร์ที่สามารถอ่านค่าได้ชัดเจน (RIVAGE PM5)
ในแต่ละเฟดเดอร์จะมีฟีดแบคที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากตัววัดเฟดเดอร์ โดยตัววัดเฟดเดอร์นี้สามารถแสดงระดับโมโนหรือสเตอริโอ หรือลดค่าเกนลงเมื่อผู้ใช้ต้องการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของช่องสัญญาณไดนามิก ตัววัดเฟดเดอร์ช่วยให้สามารถควบคุมได้อย่างราบรื่นและแม่นยำโดยจะส่งฟีดแบคมาโดยตรงว่าการทำงานของเฟดเดอร์ส่งผลต่อสัญญาณอย่างไร
ฟังก์ชั่นการทำงานขั้นสูง
ทันสมัยและมักจะนำกระแส
เนื่องจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มความท้าทายและความต้องการใหม่ๆ Yamaha จึงให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่ออัพเดทเฟิร์มแวร์ให้เครื่องผสมสัญญาณเสียงระบบดิจิตอลของเรา รวมถึงระบบ RIVAGE PM ที่ทันสมัยและมักจะนำกระแส
การทำงานร่วมกับตัวรับสัญญาณไร้สาย
เมื่ออัพเดทเป็นเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 5.0 หรือใหม่กว่า คอนโซล RIVAGE PM จะรองรับการควบคุมและการตรวจสอบตัวรับสัญญาณไร้สายของผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในท้องตลาด เพื่อให้คุณมีอิสระมากขึ้นเมื่อใช้งานระบบเสียงที่ถูกผลิตใกล้เคียงกับผลิตภัณฑ์ในซีรีส์ RIVAGE PM
อุปกรณ์ที่รองรับ
- Sennheiser: EM 6000
- Shure: AD4D/Q, AXT400, QLXD4, ULXD4/D/Q
- Sony: DWR-R03D
ฟิลเตอร์ Overlay เพื่อการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
ฟิลเตอร์ Overlay ช่วยเพิ่มประโยชน์ให้หน่วยความจำของเครื่องได้อย่างมาก โดยสามารถ “ซ้อนทับ” เสียงผสมปัจจุบันเพื่อตั้งค่าออฟเซ็ตให้กับระดับเฟดเดอร์และระดับการส่งเสียงผสม/เมทริกซ์ซึ่งจะแยกจากการเรียกใช้ซ้ำ ซึ่งจะมีประโยชน์มากเมื่อมีการเปลี่ยนนักแสดงกะทันหันโดยจะอำนวยความสะดวกในการปรับระดับชั่วคราวและสามารถปรับให้กลับสู่ระดับเดิมได้ในทันที ฟิลเตอร์ Overlay จะมีความสำคัญมากในสถานการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน อีกทั้งยังมีความสามารถในการปรับค่าให้กลับสู่การตั้งค่าดั้งเดิมได้อย่างง่ายดาย
โหมดโรงภาพยนตร์
โหมดโรงภาพยนตร์จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนฉากและการแต่งกายด้วยแผง 4 ช่อง ที่สามารถใช้เพื่อจัดเก็บ EQ และตั้งค่าไดนามิกต่างๆ สำหรับนักแสดงแต่ละคน ในโหมดโรงภาพยนตร์นั้น ระบบจะจัดเก็บ EQ และการตั้งค่าแบบไดนามิกใน "ฉากภาพยนตร์" ของเครื่องตามหมายเลขของแผงควบคุมเพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าของฉากทั้งหมดที่ใช้แผงควบคุมเดียวกันได้ง่าย
สามารถใช้งานในกรณีที่มีนักแสดงหลายคนแสดงบทเดียวกันหรือต้องใช้นักแสดงสำรอง เพื่อให้สามารถเปลี่ยนแปลงค่าผสมได้เร็วขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรองรับนักแสดงต่างๆ เป็นต้น
ฟังก์ชั่น DSP Mirroring เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดซ้ำซ้อน
ฟังก์ชั่น DSP Mirroring ช่วยให้สามารถใช้เครื่อง DSP-RX หรือ DSP-RX-EX ได้ 2 เครื่องเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดซ้ำซ้อนในระบบ RIVAGE PM10, PM5 และ PM3* หากมีปัญหาเกิดขึ้นในเครื่อง DSP หลัก เครื่อง DSP รองจะสามารถเข้าควบคุมได้โดยไม่รบกวนโปรแกรมของเครื่องหลัก
*RIVAGE PM7 จะมีการประมวลผล DSP ในตัว และไม่รองรับฟังก์ชั่น DSP Mirroring
น้ำหนักเบา สามารถติดตั้งและขนย้ายง่าย (RIVAGE PM5/3)
แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสูงและมีฟังก์ชั่นการใช้งานมากมายรวมถึงมีอินเตอร์เฟสที่ครอบคลุมและใช้งานง่าย แต่ RIVAGE PM5/3 กลับมีน้ำหนักเบาอย่างน่าประหลาดใจ ด้วยน้ำหนักเพียง 42 กิโลกรัม (รุ่น CS-R5) / 38 กิโลกรัม (รุ่น CS-R3) จึงสามารถพกพาและติดตั้งได้อย่างง่ายดายด้วยคนสองคน น้ำหนักที่ลดลงไปอย่างมากนี้เป็นผลมาจากการออกแบบระบบกลไกที่ทันสมัยและการใช้วัสดุน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน
มาเป็นครอบครัว Yamaha ไปด้วยกันด้วยแอพ Console File Converter
Console File Converter ของ Yamaha เป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันระหว่างเครื่องผสมสัญญาณเสียงระบบดิจิตอลหลายๆ เครื่องได้ โดยผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลระหว่างซีรีส์ RIVAGE PM, ซีรีส์ CL/QL, PM5D, M7CL, และ LS9 ได้ จึงไม่จำเป็นต้องทำการตั้งค่าโปรแกรมของข้อมูลจากการแสดงครั้งก่อนใหม่ตั้งแต่ต้นแม้ว่าจะใช้เครื่องผสมสัญญาณเสียงเครื่องอื่น
2 วิธีการบันทึกสัญญาณเสียงสดที่ง่ายและสะดวก
การบันทึกเสียงสดให้มีคุณภาพระดับมืออาชีพกำลังกลายเป็นฟังก์ชั่นที่สำคัญในเครื่องผสมสัญญาณเสียงสด นอกจากความสะดวกในการบันทึกได้แบบ 2 แทร็กไปยังแฟลชไดรฟ์ USB แล้ว ซีรีส์ RIVAGE PM ยังรองรับการบันทึกแบบมัลติแทร็กผ่านเครือข่ายเสียง Dante เพื่อตอบสนองความต้องการผู้ใช้
ฟังก์ชั่นการบันทึกแฟลชไดรฟ์ USB แบบ 2 แทร็ก จะบันทึกเอาต์พุตของบัส STEREO หรือ MIX โดยตรงไปยังแฟลชไดรฟ์ และสามารถกำหนดเสียงแบคกราวด์มิวสิคหรือเสียงเอฟเฟกต์ที่บันทึกในแฟลชไดรฟ์ให้กับช่องสัญญาณอินพุตใดก็ได้เพื่อเล่นเพลง ด้วยตัวแปลงอัตราสุ่มสัญญาณทั้งอินพุตและเอาต์พุต จึงสามารถใช้งานฟังก์ชั่นการบันทึกนี้ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอัตราสุ่มสัญญาณ สามารถบันทึกข้อมูลเป็นหรือเล่นไฟล์ WAV หรือ MP3 ได้ตามต้องการ
สามารถบันทึก DAW แบบมัลติแทร็กโดยใช้คอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายเสียง Dante ได้ สามารถบันทึกแบบความละเอียดสูงได้สูงถึง 128 ช่อง (อินพุตและเอาต์พุต) ที่ 96 kHz หากคอมพิวเตอร์มีการ์ด DANTE ACCELETATOR PCIe (AIC128-D) และด้วย Dante Virtual Soundcard จึงมีจำนวนแทร็กเข้า/ออกได้สูงถึง 64 แทร็ก
การบันทึกการฝึกซ้อมแบบมัลติแทร็กด้วยวิธีนี้สามารถใช้เพื่อ "Virtual Soundcheck (การทดสอบเสียงเสมือนจริง)" เมื่อไม่มีนักแสดง สามารถสลับการปรับตั้งอินพุตสำหรับช่องสัญญาณที่ต้องการทั้งหมดได้ในครั้งเดียวสำหรับทั้งการบันทึกและการทดสอบเสียงเสมือนจริง การเล่นเสียงบันทึกและอินพุตเสียงบนเวทีสามารถรวมกันได้อย่างราบรื่นเมื่อต้องการ
นอกจากนี้ เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 5.0 และใหม่กว่า ก็ยังช่วยให้คุณสามารถใช้ Console Extension ของ Yamaha ในการคัดลอกชื่อและสีของช่องสัญญาณไปยัง Nuendo Live และควบคุมการเคลื่อนย้ายและการทำเครื่องหมายจากคอนโซลได้ ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างคอนโซลซีรีส์ RIVAGE PM และ Nuendo Live ทำได้อย่างราบรื่น