เหตุใด Yamaha จึงมีหลักสูตรการเรียนแบบกลุ่มสำหรับเด็ก
การเรียนที่ไม่ใช่เฉพาะการเล่นตามโน้ตเพลง แต่เป็นการเรียนรู้ผ่านการฟัง การร้อง การอ่าน การเล่น และความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกิดการพัฒนา “ทักษะทางดนตรีอย่างครอบคลุม” ซึ่งช่วยให้เด็กหรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่สนุกกับการเล่นดนตรีอย่างอิสระ
โปรแกรมการเรียนของ Yamaha ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับพัฒนาการในแต่ละช่วงวัย จึงช่วยส่งเสริมความสามารถของเด็กซึ่งพัฒนาได้ดีในแต่ละวัย นอกจากนี้ เด็กยังจะได้เรียนรู้ทักษะการเข้าสังคม การทำงานร่วมกัน ทักษะการสื่อสาร การฝึกสมาธิ และการแสดงความรู้สึก
ความโดดเด่นและเอกลักษณ์เฉพาะของหลักสูตรการเรียนดนตรีของ Yamaha
1. การเรียนแบบกลุ่มจะพัฒนาทักษะต่างๆ สำหรับการเรียนในอนาคต
เมื่อเล่นดนตรีร่วมกับคนอื่นๆ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากกว่าเทคนิคและทักษะ คือการเล่นที่พร้อมเพรียงกันเป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้มีความสำคัญมากทั้งกับการเล่นในวงขนาดใหญ่อย่างวงออร์เคสตร้า และวงดนตรีขนาดเล็ก แนวคิดนี้จะใช้กับการเล่นกีฬาเป็นทีมเช่นกัน ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เด็กจะได้จากการเรียนกับโรงเรียนดนตรี Yamaha Music School แบบกลุ่มก็คือแนวคิดข้อนี้
เราให้ความสำคัญกับการสอนเด็กๆ ให้เล่นเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน การฟังคนอื่นๆ เล่น ให้จังหวะการเริ่มเล่นในแต่ละพาร์ทด้วยการสบตากัน และควบคุมบาลานซ์ขณะเล่น เป็นภาพที่สมบูรณ์แบบของการทำงานเป็นทีม
ประสบการณ์ในการช่วยเหลือกัน การสอนและการเล่นดนตรีด้วยกันก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและแรงผลักดันที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น เราหวังว่าคุณจะมอบโอกาสที่แสนวิเศษในการเข้าเรียนแบบกลุ่มและมอบโอกาสในการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ที่ต้องอาศัยความเชื่อใจกันและการยอมรับในตัวตนของผู้อื่นให้กับลูกหลานของคุณ
การเรียนแบบกลุ่มที่ช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ สำหรับการเรียนในอนาคต
เมื่อเล่นดนตรีร่วมกับคนอื่นๆ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากกว่าเทคนิคและทักษะ คือการเล่นที่พร้อมเพรียงกันเป็นหนึ่งเดียว
การเรียนแบบกลุ่มที่ช่วยพัฒนาทักษะต่างๆ สำหรับการเรียนในอนาคต
เมื่อเล่นดนตรีร่วมกับคนอื่นๆ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากกว่าเทคนิคและทักษะ คือการเล่นที่พร้อมเพรียงกันเป็นหนึ่งเดียว สิ่งนี้มีความสำคัญมากทั้งกับการเล่นในวงขนาดใหญ่อย่างวงออร์เคสตร้า และวงดนตรีขนาดเล็ก แนวคิดนี้จะใช้กับการเล่นกีฬาเป็นทีมเช่นกัน ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่เด็กจะได้จากการเรียนกับโรงเรียนดนตรี Yamaha Music School แบบกลุ่มก็คือแนวคิดข้อนี้
เราให้ความสำคัญกับการสอนเด็กๆ ให้เล่นเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพื่อนร่วมชั้นเรียน การฟังคนอื่นๆ เล่น ให้จังหวะการเริ่มเล่นในแต่ละพาร์ทด้วยการสบตากัน และควบคุมบาลานซ์ขณะเล่น เป็นภาพที่สมบูรณ์แบบของการทำงานเป็นทีม
ประสบการณ์ในการช่วยเหลือกัน การสอนและการเล่นดนตรีด้วยกันก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและแรงผลักดันที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น เราหวังว่าคุณจะมอบโอกาสที่แสนวิเศษในการเข้าเรียนแบบกลุ่มและมอบโอกาสในการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นสำหรับการสร้างความสัมพันธ์ที่ต้องอาศัยความเชื่อใจกันและการยอมรับในตัวตนของผู้อื่นให้กับลูกหลานของคุณ
- ดูข้อมูลเพิ่มเติม
- ดูวิดีโออื่นๆ
2. กระบวนการเรียนรู้
ที่ Yamaha Music School ลูกหลานของคุณจะได้เรียนรู้วิธีการต่างๆ ในการเพลิดเพลินกับดนตรีพร้อมกับบ่มเพาะอารมณ์ที่ละเอียดอ่อนให้กับพวกเขา กระบวนการเรียนรู้จะประกอบด้วยการฟัง, การร้อง, การเล่นดนตรี, การอ่านโน้ตเพลง และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กสามารถเข้าถึงและสนุกไปกับดนตรีได้
Yamaha ไม่เพียงแต่บ่มเพาะทักษะการเล่นเท่านั้น แต่ยังพัฒนาความสามารถในการทำความเข้าใจดนตรีจากมุมมองต่างๆ ผ่านประสบการณ์ที่ช่วยขยายกรอบความคิดที่หลากหลาย โดยใช้เครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ด เรายังปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็กโดยการช่วยให้เด็กได้รับและพัฒนาความไวในการตอบสนองและจินตนาการ
เด็กจะได้รับการฝึกให้เล่นเมโลดี้ที่พวกเขาได้ยินในทันที หรือแต่งและเรียบเรียงดนตรีด้วยการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นเสียง Yamaha ไม่เพียงเน้นเฉพาะเทคนิคการเล่นเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นความสามารถในการแสดงตัวตนผ่านดนตรีอีกด้วย
ฟัง > ร้อง > เล่น > อ่าน
การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้งการฟัง การร้อง การเล่น และความคิดสร้างสรรค์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กเปิดใจและสนุกกับดนตรี
สร้างสรรค์
โดยทั่วไป หลังจากที่เรียนครบสามปีจนเด็กมีช่วงอายุ 5-6 ขวบ เด็กจะไม่ได้มีเฉพาะทักษะการเล่นดนตรีจากการอ่านโน้ตเพลงเท่านั้น แต่จะได้ทักษะในการเรียบเรียงเสียงที่ได้ยินและสร้างสรรค์ออกมาเป็นเพลงของตัวเองโดยไม่ต้องอาศัยโน้ตเพลงได้อีกด้วย
3. การศึกษาที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็ก
ที่โรงเรียน Yamaha Music School เราเชื่อว่าการปรับหลักสูตรการสอนให้สอดคล้องกับพัฒนาการทางด้านร่างกายและอารมณ์ของเด็ก จะทำให้เด็กรู้สึกสนุกและเปิดรับประสบการณ์ทางดนตรีได้ง่าย การให้เด็กเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุ 2 และ 3 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เด็กสามารถพัฒนาความไวในการตอบสนองได้ง่าย และเป็นการวางรากฐานสำหรับการฟังและการถ่ายทอดอย่างมีประสิทธิภาพ เด็กในวัย 4 และ 5 ขวบ เป็นช่วงอายุที่เหมาะกับการเน้นทักษะ 'การฟัง' ซึ่งจะบ่มเพาะความเข้าใจทางด้านดนตรีและทักษะพื้นฐานต่างๆ
เด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไป จะมีความกระตือรือร้นในการมีส่วนร่วมและการฝึกฝน ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากกล้ามเนื้อนิ้วมือที่พัฒนาขึ้นแล้วเพื่อ 'การเล่น' คีย์บอร์ดที่ดีขึ้น โปรแกรมการเรียนรู้ที่ครอบคลุมของเราทำให้เด็กได้รับทักษะการเล่นคีย์บอร์ดพื้นฐานครบถ้วนซึ่งส่งเสริมให้เด็กมีความกระตือรือร้นและมีความมั่นใจในการเล่น
บุคคลที่เลือกเรียนกับ Yamaha
HIROMI UEHARA
HIROMI UEHARA
Hiromi Uehara หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hiromi เป็นนักแต่งเพลงและนักเปียโนแจ๊สชาวญี่ปุ่น เกิดในปี 1979 ในเมืองฮามามัตสึ ชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เส้นทางดนตรีของเธอเริ่มขึ้นขณะที่เธอมีอายุได้ 6 ขวบ โดยเริ่มจากการเล่นเปียโนพร้อมกับเรียนการแต่งเพลงที่โรงเรียน Yamaha Music School
เธอมีชื่อเสียงในด้านทักษะทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยม การแสดงสดที่มีพลัง และการผสมผสานดนตรีแนวต่างๆ ให้เข้ากันได้อย่างลงตัวและมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่แนว Stride, Post-bop และ Progressive rock ไปจนถึง Classical และ Fusion จนเธอสามารถคว้ารางวัล 'Best Contemporary Jazz Album' จากงาน Grammy Awards ครั้งที่ 53 ในปี 2011 อีกหนึ่งผลงานที่โดดเด่นของเธอคือ การแสดงในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก Tokyo 2020 Olympic Games
คอลัมน์ แด่พ่อแม่ที่รัก
การเรียนดนตรีช่วยสอนทักษะในการเข้าสังคมให้กับเด็กหรือไม่?
พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกของตัวเองมีทักษะในการมีส่วนร่วมและการเข้าสังคมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า
หลักสูตรการเรียนของ YAMAHA MUSIC SCHOOL จะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางทักษะการวางแผน
พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกตั้งเป้าหมายและลงมือปฏิบัติในสิ่งที่จะทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงหรือประสบผลสำเร็จ
ความจริงอันน่าอัศจรรย์: การเรียนรู้ดนตรีก็เหมือนการเรียนรู้ภาษา
คุณทราบหรือไม่ว่าส่วนการประมวลผลภาษาของสมองจะได้รับการกระตุ้นเมื่อเรียนดนตรี?
ระยะเวลาที่เหมาะสม: หากเป็นได้ ให้ลองหาโอกาสเรียนดนตรี!
ทักษะการฟังจะพัฒนาได้ดีเป็นพิเศษที่ช่วงอายุ 4 และ 5 ขวบ และทักษะการเล่นจะพัฒนาได้ดีตั้งแต่อายุ 6 ถึง 8 ขวบ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะไม่สามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ในภายหลัง
การเรียนดนตรีช่วยสอนทักษะในการเข้าสังคมให้กับเด็กหรือไม่?
พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกของตัวเองมีทักษะในการมีส่วนร่วมและการเข้าสังคมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า เมื่อลูกของคุณเข้าเรียนที่ Yamaha Music School คุณจะสังเกตเห็นได้ถึงวิธีการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นที่แตกต่างไปจากเดิมของเด็ก
ในชั้นเรียนแบบกลุ่มของเรา ลูกหลานของคุณจะได้เล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ในรูปแบบวงดนตรี เด็กจะได้เล่นเครื่องดนตรีในส่วนของตัวเอง เรียนรู้วิธีการเล่นให้เกิดความสอดประสานกัน การฟังและการรอจังหวะในการเล่น รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสนทนาทางดนตรีกับสมาชิกคนอื่นๆ ในวง ประสบการณ์ที่กล่าวมาจะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้วิธีการแสดงตัวตนบทบาทหน้าที่ของตัวเองและวิธีการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
การเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ เป็นรูปแบบของการทำงานเป็นทีม แม้ในวงดนตรีขนาดเล็ก เราหวังว่าคุณจะเปิดโอกาสให้ลูกหลานของคุณได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมของการเป็นสมาชิกในทีม การฟังเพื่อนคนอื่นๆ เล่น และเล่นส่วนของตัวเองอย่างสุดความสามารถ
หลักสูตรการเรียนของ YAMAHA MUSIC SCHOOL จะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการทางทักษะการวางแผน
พ่อแม่ทุกคนต่างต้องการให้ลูกตั้งเป้าหมายและลงมือปฏิบัติในสิ่งที่จะทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงหรือประสบผลสำเร็จ การเข้าเรียนที่ Yamaha Music School จะทำให้ทักษะการวางแผนของเด็กพัฒนาขึ้นไปด้วยอย่างเห็นได้ชัด สำหรับการเรียนแบบกลุ่มที่ Yamaha Music Schools เด็กจะได้เล่นคอนเสิร์ตในชั้นเรียนและแบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้ต่อหน้าเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เด็กมีการ:
- ฝึกฝนเองที่บ้านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับคอนเสิร์ตในชั้นเรียนถัดไป
- เล่นดนตรีทุกวันเพื่อให้มีสิ่งที่จะไปแบ่งปันกับเพื่อนๆ
โดยพื้นฐานแล้ว เด็กๆ ต่างต้องการให้เป้าหมายของตัวเองประสบความสำเร็จ จึงมีแรงขับเคลื่อนตามธรรมชาติให้เกิดการวางแผน หากประสบความสำเร็จ ก็จะมีแรงผลักดันให้ทำในสิ่งที่ยากและท้าทายมากขึ้น ลูกๆ ของคุณจะตั้งเป้าหมาย วางแผน และฝึกฝนด้วยตัวเอง ทำให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ว่าอนาคตที่สดใสรอพวกเขาอยู่
ความจริงอันน่าอัศจรรย์: การเรียนรู้ดนตรีก็เหมือนการเรียนรู้ภาษา
คุณทราบหรือไม่ว่าส่วนการประมวลผลภาษาของสมองจะได้รับการกระตุ้นเมื่อเรียนดนตรี? ดนตรีมีพิตช์และจังหวะ เช่นเดียวกับภาษา และยังมีองค์ประกอบมากมายที่สัมพันธ์กับไวยากรณ์ ภาษาที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมีการเน้นเสียง มีเสียงสูงต่ำ จังหวะ และองค์ประกอบเช่นเดียวกับดนตรี
งานศึกษาวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการเรียนดนตรีมีส่วนช่วยในการเรียนรู้ภาษาอย่างมาก ไม่เพียงแต่ภาษาแม่เท่านั้น แต่ยังสามารถเรียนรู้ภาษาอื่นๆ ได้ดีอีกด้วย! นักดนตรีหลายคนสามารถพูดได้หลายภาษาหากมีความสนใจมากพอ บทวิจัยยังพบว่าสมองของนักดนตรีค่อนข้างอ่อนไหวต่อเสียงของมนุษย์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราใช้ในการสื่อสารความหมายและอารมณ์
ดังนั้น การเรียนดนตรีจะช่วยให้เราสามารถพัฒนาทักษะอันมีค่าของการตีความอารมณ์ที่หลากหลายของผู้อื่น ความน่าสนใจอย่างหนึ่งของการเรียนดนตรีก็คือ เด็กจะพัฒนาความรู้สึกที่ลึกซึ้งเมื่อพวกเขาเพลิดเพลินกับการเรียนรู้เกี่ยวกับดนตรี
ระยะเวลาที่เหมาะสม: หากเป็นได้ ให้ลองหาโอกาสเรียนดนตรี!
ทักษะการฟังจะพัฒนาได้ดีเป็นพิเศษที่ช่วงอายุ 4 และ 5 ขวบ และทักษะการเล่นจะพัฒนาได้ดีตั้งแต่อายุ 6 ถึง 8 ขวบ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเด็กจะไม่สามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ในภายหลัง Yamaha Music Schools มีหลักสูตรองค์ที่เน้นทั้งการฟังและการเล่นที่สมดุลสำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย เพราะแม้ว่าเด็กจะสามารถพัฒนาทักษะการฟังได้ดีในช่วงอายุ 4 และ 5 ขวบ แต่เด็กในช่วงวัยที่โตกว่านั้นก็สามารถเรียนรู้ได้ดีเช่นกัน เนื่องจากมีความเข้าใจ มีทักษะการเรียนรู้ด้วยภาพ และความสามารถอื่นๆ ที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมกันตามช่วงวัยที่เติบโตขึ้น
ในชั้นเรียนของเรา จะเริ่มต้นด้วยการเรียนอย่างง่าย และค่อยๆ เพิ่มระดับความยากเพื่อดึงจุดแข็งของเด็กแต่ละคนออกมา การได้เข้าถึงศิลปะดนตรีที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุน้อยจะช่วยพัฒนาความไวในการตอบสนองให้กับเด็กได้อย่างมาก นักเรียนหลายคนของ Yamaha Music School ได้ใช้พรสวรรค์ที่ค้นพบจากการเข้าเรียนในหลักสูตรของเราไปประกอบอาชีพเมื่อโตขึ้น หลายคนกลายเป็นนักแต่งเพลงและเป็นนักดนตรีมืออาชีพทั่วโลก!
แม้ว่าเราไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่เด็กจะได้รับโอกาสมากขึ้นหากพวกเขาได้รับการปลูกฝังสุนทรียศาสตร์ทางดนตรีตั้งแต่อายุยังน้อย ทุกคนจะมีความรู้สึกยินดีที่ได้เห็นลูกหลานของตัวเองหลงใหลในดนตรีเมื่อพวกเขาโตขึ้น!